เมล็ดพันธุ์ ดอกพวงชมพู

30 ฿

  • จำนวน 20 เมล็ด
  • เป็นไม้ประดับที่ให้ดอกสวยงามมาก เหมาะสำหรับปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อย, รั้ว, ระแนง, หรือคลุมต้นไม้ใหญ่
  • ดอกพวงชมพูเป็นแหล่งอาหารของผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงผสมเกสรอื่นๆ ช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
  • ด้วยความที่เจริญเติบโตเร็วและแตกกิ่งก้านได้ดี จึงสามารถให้ร่มเงาได้ดี

เมล็ดพันธุ์ ดอกพวงชมพู 20 เมล็ด

ดอกพวงชมพู (ชื่อวิทยาศาสตร์: Antigonon leptopus) ดอกพวงชมพูเป็นไม้เลื้อยเถาใหญ่ มีเถาเนื้อแข็ง จัดอยู่ในวงศ์ Polygonaceae เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก มีลักษณะเด่นคือเป็นไม้เลื้อยที่แตกกิ่งก้านสาขามาก เลื้อยได้ไกลและเร็ว ออกดอกเป็นช่อสีชมพูสดใสจำนวนมาก ทำให้ดูเหมือนพวงดอกไม้ระย้า พวงชมพูเป็นไม้ที่ได้รับความนิยมในการนำมาปลูกประดับตกแต่งรั้ว ซุ้มประตู หรือระแนง เพื่อสร้างความร่มรื่นสวยงามและเพิ่มสีสันให้กับสวน

คุณสมบัติ

  • ลักษณะเถา เป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีมือเกาะสำหรับยึดเกี่ยว
  • ใบ ใบเป็นรูปหัวใจหรือรูปไข่ ปลายแหลม โคนเว้าเข้าหากัน ขอบใบเรียบ สีเขียวสด
  • ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ตามซอกใบและปลายยอด ดอกย่อยเล็กๆ จำนวนมากรวมกันเป็นช่อสีชมพูสดใส (บางสายพันธุ์อาจมีสีขาว) กลีบดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเหมือนดาว ดอกจะบานทยอยกัน ทำให้ช่อดอกบานต่อเนื่องยาวนานเกือบตลอดปีหากสภาพอากาศเหมาะสม
  • ผล เป็นผลแห้งรูปไข่หรือรูปสามเหลี่ยม มีเมล็ดอยู่ภายใน
  • การเจริญเติบโต เป็นไม้เลื้อยที่เจริญเติบโตเร็ว แตกกิ่งก้านมาก เลื้อยได้ไกล
  • ความทนทาน ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งได้ดี ชอบแดดจัด
  • การขยายพันธุ์ ส่วนใหญ่ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำ หรือการตอน

ประโยชน์ของดอกพวงชมพู

  1. ไม้ประดับ เป็นไม้ประดับที่ให้ดอกสวยงามมาก เหมาะสำหรับปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อย, รั้ว, ระแนง, หรือคลุมต้นไม้ใหญ่ ช่วยเพิ่มความร่มรื่น สดชื่น และความสวยงามให้กับภูมิทัศน์
  2. ให้ร่มเงา ด้วยความที่เจริญเติบโตเร็วและแตกกิ่งก้านได้ดี จึงสามารถให้ร่มเงาได้ดี เหมาะสำหรับทำซุ้มทางเดิน หรือระแนงบังแดด
  3. ดึงดูดแมลง ดอกพวงชมพูเป็นแหล่งอาหารของผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงผสมเกสรอื่นๆ ช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในสวน
  4. ปรับปรุงภูมิทัศน์ ช่วยลดความกระด้างของสิ่งปลูกสร้าง เช่น รั้วคอนกรีต หรือกำแพง ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและอ่อนโยนยิ่งขึ้น

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน
    • ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุเพียงพอ
    • ควรมีการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  2. แสงแดด
    • เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัดตลอดวัน (Full Sun) อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อการออกดอกที่สมบูรณ์และสวยงาม
    • หากได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ ต้นอาจจะยืดและออกดอกน้อย
  3. การปลูก
    • การเพาะเมล็ด เมล็ดพวงชมพูมีเปลือกแข็ง ควรนำไปแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ 1 คืนก่อนเพาะ หรือใช้วิธีการทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดบางลง (scarification) แล้วนำไปเพาะในวัสดุเพาะที่ระบายน้ำได้ดี
    • การปักชำ เลือกกิ่งแก่ที่สมบูรณ์ ตัดยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร เด็ดใบล่างออก ปักลงในวัสดุเพาะชำที่ระบายน้ำได้ดี รดน้ำให้ชุ่มและอบด้วยถุงพลาสติกเพื่อรักษาความชื้น
    • การตอน เป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดี เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ กรีดรอบเปลือกแล้วหุ้มด้วยขุยมะพร้าวชุ่มน้ำ เมื่อรากงอกดีแล้วจึงตัดไปปลูก
    • การย้ายปลูก หากเพาะจากเมล็ดหรือปักชำ ควรย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูกหรือกระถางเมื่อต้นแข็งแรงพอ โดยเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม เนื่องจากเป็นไม้เลื้อยขนาดใหญ่
  4. การรดน้ำ
    • ในช่วงแรกของการปลูกและตั้งตัว ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอทุกวัน
    • เมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว จะทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี สามารถรดน้ำวันเว้นวัน หรือเมื่อดินแห้ง แต่ควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอในช่วงที่ออกดอก
    • หลีกเลี่ยงการรดน้ำจนดินแฉะขัง เพราะอาจทำให้รากเน่าได้
  5. การให้ปุ๋ย
    • ช่วงแรกของการเจริญเติบโต สามารถใส่ปุ๋ยบำรุงต้นไม้ทั่วไป หรือปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก
    • เมื่อต้นโตเต็มที่และต้องการกระตุ้นการออกดอก สามารถใส่ปุ๋ยสูตรตัวกลางสูง (เช่น 8-24-24) หรือปุ๋ยสำหรับไม้ดอก ปีละ 2-3 ครั้ง
  6. การตัดแต่ง
    • ควรตัดแต่งกิ่งที่แห้ง ตาย หรือไม่เป็นระเบียบออก เพื่อให้ทรงพุ่มสวยงามและช่วยกระตุ้นการแตกกิ่งใหม่
    • สามารถตัดแต่งควบคุมขนาดและทิศทางของเถาได้ตามต้องการ
  7. ค้างหรือโครงสร้างรองรับ
    • เนื่องจากเป็นไม้เลื้อยที่เลื้อยได้ไกลและมีน้ำหนัก ควรจัดเตรียมโครงสร้างรองรับที่แข็งแรง เช่น ซุ้มไม้เลื้อย, รั้ว, หรือระแนง เพื่อให้พวงชมพูยึดเกาะและเจริญเติบโตได้อย่างสวยงาม