ต้นโหระพา ปลูกด้วยเมล็ด โดยชีวิต ชีวา ฟาร์ม
คุณสมบัติ
- กลิ่นหอมเฉพาะตัว มีกลิ่นหอมเย็น สดชื่น เป็นเอกลักษณ์ นิยมนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารหลากหลายชนิด
- รสชาติเผ็ดซ่าเล็กน้อย มีรสชาติเผ็ดซ่าเล็กน้อย ทำให้รสชาติอาหารมีความโดดเด่น
- ใบสีเขียวสด ใบมีสีเขียวสด มีทั้งพันธุ์ใบเล็กและใบใหญ่
- สารอาหาร อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และแคลเซียม
- สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารสำคัญ เช่น ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และแทนนิน (Tannins) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของโหระพา
- ช่วยในการย่อยอาหาร มีสรรพคุณช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยในการย่อยอาหาร
- บำรุงระบบประสาทและสมอง กลิ่นหอมของโหระพาสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และช่วยบำรุงสมอง
- แก้อาการหวัดและไอ มีฤทธิ์ช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ และช่วยให้หายหวัดเร็วขึ้น
- ต้านการอักเสบ สารสำคัญในโหระพามีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา น้ำมันหอมระเหยในโหระพามีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด
- บำรุงผิวพรรณ สารต้านอนุมูลอิสระในโหระพาช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายและช่วยให้ผิวพรรณสดใส
- เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหาร เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารหลายชนิด เช่น ผัดกะเพรา แกงต่างๆ ยำ และสลัด
การดูแลต้นโหระพา
- แสงแดด ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
- น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน โดยรดที่โคนต้นและหลีกเลี่ยงการรดบนใบโดยตรงเพื่อป้องกันโรคเชื้อรา
- ดิน ชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง หากปลูกในกระถางควรเลือกกระถางที่มีรูระบายน้ำ
- การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์ได้ง่ายโดยการปักชำกิ่ง
- การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเดือนละครั้ง เพื่อบำรุงให้ต้นแข็งแรงและมีใบดก
- การตัดยอด เด็ดยอดอ่อนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นให้แตกกิ่งด้านข้างมากขึ้น ทำให้ได้พุ่มโหระพาที่หนาและเก็บเกี่ยวได้นานขึ้น
- การเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวใบได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 30-45 วัน โดยเด็ดจากส่วนยอดลงมา