เมล็ดพันธุ์ เมล็ดเจีย

30 ฿

  • จำนวน 1,000 เมล็ด
  • บำรุงกระดูกและฟัน
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
  • ลดการอักเสบ กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย

เมล็ดเจีย 1,000 เมล็ด

เมล็ดเจีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Salvia hispanica L.) เมล็ดเจียคือเมล็ดเล็กๆ สีดำหรือขาวคล้ายงา มาจากต้น Salvia hispanica ซึ่งเป็นพืชในตระกูลเดียวกับมิ้นต์ มีถิ่นกำเนิดในแถบเม็กซิโกและกัวเตมาลา เมล็ดเจียเป็นที่รู้จักและใช้เป็นอาหารมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมแอซเท็กและมายา เมล็ดเจียมีลักษณะพิเศษคือเมื่อแช่น้ำจะพองตัวและมีลักษณะคล้ายเจล

คุณสมบัติ

  • ใยอาหารสูง เป็นแหล่งของใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
  • โปรตีน มีโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม
  • กรดไขมันโอเมก้า 3 (ALA) เป็นแหล่งสำคัญของกรดอัลฟา-ไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid หรือ ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย
  • สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เควอซิทิน (Quercetin), แคมป์เฟอรอล (Kaempferol), กรดคลอโรเจนิก (Chlorogenic Acid)
  • วิตามินและแร่ธาตุ อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี และวิตามินบีบางชนิด
  • ไม่มีกลูเตน เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน
  • คุณสมบัติการดูดซับน้ำ สามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 10-12 เท่าของน้ำหนักตัว ทำให้พองตัวเป็นเจล

ประโยชน์ของเมล็ดเจีย

  1. ช่วยควบคุมน้ำหนัก ใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาล
  2. ดีต่อระบบขับถ่าย ใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณกากใยในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายสะดวก ลดปัญหาท้องผูก
  3. บำรุงหัวใจและหลอดเลือด กรดไขมันโอเมก้า 3 (ALA) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  4. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  5. บำรุงกระดูกและฟัน อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง
  6. ให้พลังงานและลดความเหนื่อยล้า โปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ช่วยเพิ่มพลังงานและความทนทานของร่างกาย
  7. เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
  8. ลดการอักเสบ กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  9. เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน เป็นแหล่งโปรตีนและโอเมก้า 3 ที่ดีจากพืช

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมเมล็ด เมล็ดเจียที่ใช้บริโภคสามารถนำมาเพาะปลูกได้เลย ไม่จำเป็นต้องแช่น้ำก่อน
  2. การเตรียมดิน
    • เมล็ดเจียชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มี pH ประมาณ 6.0-7.0
    • สามารถผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน
  3. การหว่านเมล็ด
    • สามารถหว่านเมล็ดโดยตรงลงในดินที่เตรียมไว้ หรือเพาะกล้าก่อนแล้วค่อยย้ายปลูก
    • หากหว่านโดยตรง ให้โรยเมล็ดให้ห่างกันเล็กน้อย แล้วกลบดินบางๆ ประมาณ 0.5-1 ซม.
    • หากเพาะกล้า ให้เพาะในถาดเพาะก่อน เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ จึงย้ายปลูก
  4. แสงแดด
    • ต้นเจียชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
  5. การรดน้ำ
    • รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ดินควรชุ่มชื้นแต่ไม่แฉะ
    • เมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว สามารถทนแล้งได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การรดน้ำสม่ำเสมอจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดี
  6. การดูแลรักษา
    • การกำจัดวัชพืช หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหาร
    • การให้ปุ๋ย ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยมากนัก หากดินมีความอุดมสมบูรณ์ดี แต่หากดินขาดสารอาหาร สามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักได้บ้าง
    • การป้องกันศัตรูพืช โดยทั่วไปต้นเจียค่อนข้างทนทานต่อศัตรูพืชและโรค
  7. การเก็บเกี่ยว
    • ต้นเจียจะออกดอกสีขาวหรือม่วงเป็นช่อ
    • เมื่อดอกโรยไปแล้ว ฝักเมล็ดจะเริ่มพัฒนา
    • รอจนกระทั่งฝักและต้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล และเมล็ดภายในฝักเป็นสีดำหรือขาว (ขึ้นอยู่กับพันธุ์)
    • ตัดช่อดอกหรือลำต้นที่มีฝักเมล็ดไปผึ่งให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
    • เมื่อแห้งสนิทแล้ว สามารถเขย่าหรือตีกิ่งเพื่อแยกเมล็ดออกจากฝัก
    • นำเมล็ดที่ได้ไปทำความสะอาดและผึ่งแดดให้แห้งสนิทก่อนเก็บในภาชนะปิดสนิท

ข้อควรระวัง

  • ผู้ที่แพ้ถั่วลิสง งา หรือพืชตระกูลมิ้นต์ ควรระมัดระวังในการบริโภคเมล็ดเจีย
  • การบริโภคเมล็ดเจียในปริมาณมากโดยไม่ได้ดื่มน้ำตามให้เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูกได้ เนื่องจากใยอาหารสูงมาก