เมล็ดเจีย 1,000 เมล็ด
เมล็ดเจีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Salvia hispanica L.) เมล็ดเจียคือเมล็ดเล็กๆ สีดำหรือขาวคล้ายงา มาจากต้น Salvia hispanica ซึ่งเป็นพืชในตระกูลเดียวกับมิ้นต์ มีถิ่นกำเนิดในแถบเม็กซิโกและกัวเตมาลา เมล็ดเจียเป็นที่รู้จักและใช้เป็นอาหารมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมแอซเท็กและมายา เมล็ดเจียมีลักษณะพิเศษคือเมื่อแช่น้ำจะพองตัวและมีลักษณะคล้ายเจล
คุณสมบัติ
- ใยอาหารสูง เป็นแหล่งของใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
- โปรตีน มีโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม
- กรดไขมันโอเมก้า 3 (ALA) เป็นแหล่งสำคัญของกรดอัลฟา-ไลโนเลนิก (Alpha-Linolenic Acid หรือ ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย
- สารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เควอซิทิน (Quercetin), แคมป์เฟอรอล (Kaempferol), กรดคลอโรเจนิก (Chlorogenic Acid)
- วิตามินและแร่ธาตุ อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส สังกะสี และวิตามินบีบางชนิด
- ไม่มีกลูเตน เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน
- คุณสมบัติการดูดซับน้ำ สามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 10-12 เท่าของน้ำหนักตัว ทำให้พองตัวเป็นเจล
ประโยชน์ของเมล็ดเจีย
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก ใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาล
- ดีต่อระบบขับถ่าย ใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณกากใยในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายสะดวก ลดปัญหาท้องผูก
- บำรุงหัวใจและหลอดเลือด กรดไขมันโอเมก้า 3 (ALA) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- บำรุงกระดูกและฟัน อุดมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ให้พลังงานและลดความเหนื่อยล้า โปรตีนและสารอาหารอื่นๆ ช่วยเพิ่มพลังงานและความทนทานของร่างกาย
- เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
- ลดการอักเสบ กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือวีแกน เป็นแหล่งโปรตีนและโอเมก้า 3 ที่ดีจากพืช
วิธีการปลูก
- การเตรียมเมล็ด เมล็ดเจียที่ใช้บริโภคสามารถนำมาเพาะปลูกได้เลย ไม่จำเป็นต้องแช่น้ำก่อน
- การเตรียมดิน
- เมล็ดเจียชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มี pH ประมาณ 6.0-7.0
- สามารถผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน
- การหว่านเมล็ด
- สามารถหว่านเมล็ดโดยตรงลงในดินที่เตรียมไว้ หรือเพาะกล้าก่อนแล้วค่อยย้ายปลูก
- หากหว่านโดยตรง ให้โรยเมล็ดให้ห่างกันเล็กน้อย แล้วกลบดินบางๆ ประมาณ 0.5-1 ซม.
- หากเพาะกล้า ให้เพาะในถาดเพาะก่อน เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ จึงย้ายปลูก
- แสงแดด
- ต้นเจียชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- การรดน้ำ
- รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ดินควรชุ่มชื้นแต่ไม่แฉะ
- เมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว สามารถทนแล้งได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การรดน้ำสม่ำเสมอจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดี
- การดูแลรักษา
- การกำจัดวัชพืช หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหาร
- การให้ปุ๋ย ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยมากนัก หากดินมีความอุดมสมบูรณ์ดี แต่หากดินขาดสารอาหาร สามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักได้บ้าง
- การป้องกันศัตรูพืช โดยทั่วไปต้นเจียค่อนข้างทนทานต่อศัตรูพืชและโรค
- การเก็บเกี่ยว
- ต้นเจียจะออกดอกสีขาวหรือม่วงเป็นช่อ
- เมื่อดอกโรยไปแล้ว ฝักเมล็ดจะเริ่มพัฒนา
- รอจนกระทั่งฝักและต้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล และเมล็ดภายในฝักเป็นสีดำหรือขาว (ขึ้นอยู่กับพันธุ์)
- ตัดช่อดอกหรือลำต้นที่มีฝักเมล็ดไปผึ่งให้แห้งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- เมื่อแห้งสนิทแล้ว สามารถเขย่าหรือตีกิ่งเพื่อแยกเมล็ดออกจากฝัก
- นำเมล็ดที่ได้ไปทำความสะอาดและผึ่งแดดให้แห้งสนิทก่อนเก็บในภาชนะปิดสนิท
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่แพ้ถั่วลิสง งา หรือพืชตระกูลมิ้นต์ ควรระมัดระวังในการบริโภคเมล็ดเจีย
- การบริโภคเมล็ดเจียในปริมาณมากโดยไม่ได้ดื่มน้ำตามให้เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูกได้ เนื่องจากใยอาหารสูงมาก