เมล็ดพันธุ์ ดอกบลูซันเวีย

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • เป็นไม้ประดับที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับปลูกในแปลงดอกไม้ สวนหย่อม ริมทางเดิน หรือปลูกในกระถาง
  • ดอกบลูซันเวียเป็นแหล่งอาหารที่ดีของผึ้ง ผีเสื้อ และนกฮัมมิงเบิร์ด
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หัดปลูกหรือผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลมากนัก เนื่องจากเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศและศัตรูพืช

เมล็ดพันธุ์ ดอกบลูซันเวีย 100 เมล็ด

ดอกบลูซันเวีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Salvia farinacea) ดอกบลูซันเวีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มีลีคัพเซจ” เป็นไม้ดอกยืนต้นในตระกูลมิ้นต์ (Lamiaceae) มีถิ่นกำเนิดในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก เป็นพืชที่ได้รับความนิยมในการนำมาปลูกประดับสวน เนื่องจากมีช่อดอกสีน้ำเงินม่วงสดใสที่สวยงามและออกดอกได้ตลอดปีในสภาพอากาศที่เหมาะสม

คุณสมบัติ

  • ลักษณะดอก ดอกออกเป็นช่อตั้งตรงเป็นรูปทรงกระบอกยาว มีดอกเล็กๆ สีน้ำเงินอมม่วง หรือบางสายพันธุ์อาจมีสีขาว หรือสีม่วงเข้มปกคลุมอยู่หนาแน่น คล้ายปุยกำมะหยี่เล็กๆ
  • ใบ ใบเป็นรูปหอกเรียวยาว ขอบใบหยักเล็กน้อย สีเขียวเข้ม มีขนเล็กๆ ปกคลุม
  • ขนาด ต้นสูงประมาณ 30-90 เซนติเมตร (1-3 ฟุต) แตกกอเป็นพุ่ม
  • การดูแล ค่อนข้างทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช
  • การดึงดูดแมลง ดอกบลูซันเวียเป็นที่ชื่นชอบของผึ้ง ผีเสื้อ และนกฮัมมิงเบิร์ด ทำให้เหมาะสำหรับการจัดสวนที่ต้องการดึงดูดแมลงเหล่านี้

ประโยชน์ของดอกบลูซันเวีย

  1. ไม้ประดับ เป็นไม้ประดับที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับปลูกในแปลงดอกไม้ สวนหย่อม ริมทางเดิน หรือปลูกในกระถางเพื่อตกแต่งระเบียงและลานบ้าน ช่วยเพิ่มสีสันและชีวิตชีวาให้กับพื้นที่
  2. ดึงดูดแมลงผสมเกสร ดอกบลูซันเวียเป็นแหล่งอาหารที่ดีของผึ้ง ผีเสื้อ และนกฮัมมิงเบิร์ด การปลูกบลูซันเวียจึงช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในสวน
  3. ทนทานและดูแลรักษาง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่หัดปลูกหรือผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลมากนัก เนื่องจากเป็นพืชที่ทนทานต่อสภาพอากาศและศัตรูพืช
  4. ใช้ในพิธีการและศาสนา (ในบางวัฒนธรรม) ในบางวัฒนธรรม ซันเวียบางชนิดถูกนำไปใช้ในพิธีการทางศาสนาหรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม Salvia farinacea ไม่ได้เป็นชนิดที่นิยมใช้ในเรื่องนี้เท่ากับ Salvia divinorum หรือ Salvia officinalis

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน
    • ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุเพียงพอ
    • ค่า pH ของดินควรอยู่ระหว่าง 6.0-7.0 (เป็นกลางถึงกรดเล็กน้อย)
    • สามารถปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  2. แสงแดด
    • ชอบแดดจัดหรือได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
    • การได้รับแสงแดดไม่เพียงพออาจทำให้ดอกออกน้อยลงและลำต้นยืดสูง
  3. การปลูก
    • การเพาะเมล็ด
      • สามารถเพาะเมล็ดในกระถางเพาะหรือถาดเพาะเมล็ดก่อนย้ายลงแปลง
      • หว่านเมล็ดบนผิวดินแล้วกลบดินบางๆ หรือโรยทับด้วยเวอร์มิคูไลท์ (vermiculite)
      • รดน้ำเบาๆ ให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ
      • เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 10-20 วัน
      • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายปลูกลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
    • การปักชำ
      • ตัดกิ่งที่สมบูรณ์ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร โดยตัดใต้ข้อใบ
      • เด็ดใบล่างออก แล้วจิ้มกิ่งลงในวัสดุปลูกที่ระบายน้ำได้ดี
      • รดน้ำให้ชุ่มและวางไว้ในที่ร่มรำไร
      • รากจะเริ่มงอกภายใน 2-4 สัปดาห์
  4. การรดน้ำ
    • ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ต้นยังเล็กและกำลังตั้งตัว
    • เมื่อโตเต็มที่แล้วจะทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดีขึ้น แต่ก็ควรรดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
    • หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไปซึ่งอาจทำให้รากเน่าได้
  5. การให้ปุ๋ย
    • ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยบ่อยนัก
    • สามารถให้ปุ๋ยสูตรเสมอ หรือปุ๋ยสำหรับไม้ดอกปีละ 1-2 ครั้งในช่วงฤดูปลูก
    • การใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเป็นประจำก็เพียงพอแล้ว
  6. การตัดแต่ง
    • การเด็ดดอกที่โรยแล้วออก (deadheading) จะช่วยกระตุ้นให้เกิดดอกใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
    • สามารถตัดแต่งทรงพุ่มเพื่อควบคุมขนาดและรูปร่างของต้นได้
  7. โรคและแมลง
    • โดยทั่วไปบลูซันเวียเป็นพืชที่ทนทานต่อโรคและแมลง
    • ปัญหาที่อาจพบได้คือ เพลี้ยอ่อน หรือโรคราแป้งในสภาพแวดล้อมที่ชื้นเกินไป