เมล็ดพันธุ์ โขมแดงซุปเปอร์ฟู้ด 100 เมล็ด
โขมแดงซุปเปอร์ฟู้ด หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผักโขมแดง” (Red Amaranth) เป็นพืชตระกูลผักโขม (Amaranth) ในสกุล Amaranthus เช่นเดียวกับผักโขมเขียวทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นคือสีแดงเข้มถึงม่วงของใบและลำต้น
คำว่า “ซุปเปอร์ฟู้ด” (Superfood) นั้น ไม่ใช่ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพืชชนิดนี้ แต่เป็นคำที่ใช้เรียกอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก โดยมีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งโขมแดงจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มซุปเปอร์ฟู้ดนี้ เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณที่สูงมาก
ในประเทศไทย เราอาจพบเห็นโขมแดงขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมีการปลูกเป็นผักสวนครัว เป็นผักที่นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผัด ต้ม แกง หรือนำไปทำสมูทตี้
คุณสมบัติ
- สารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก โดยเฉพาะ แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารที่ให้สีแดงเข้มและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์และแคโรทีนอยด์อื่นๆ
- ใยอาหารสูง ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานปกติ ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
- โปรตีนสูง เมื่อเทียบกับผักใบเขียวอื่นๆ โขมแดงมีปริมาณโปรตีนที่ค่อนข้างสูง ทำให้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน
- ไขมันและแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือรักษาสุขภาพโดยรวม
ประโยชน์ของโขมแดงซุปเปอร์ฟู้ด
- บำรุงเลือดและป้องกันภาวะโลหิตจาง เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูงมาก การบริโภคโขมแดงจึงช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจางได้ดี โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่มีปัญหาเลือดจาง
- เสริมสร้างกระดูกและฟัน แคลเซียมและวิตามินเคในโขมแดงมีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
- ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย แอนโทไซยานินและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย ทำให้ผิวพรรณสดใส ลดเลือนริ้วรอย และชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
- บำรุงสายตา วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตาและลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อกระจก
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย ใยอาหารสูงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการท้องผูก และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต โพแทสเซียมมีส่วนช่วยในการควบคุมความสมดุลของโซเดียมในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการรักษาระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและลดการติดเชื้อได้ดีขึ้น
- อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารในโขมแดงช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง สารพฤกษเคมีและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดในโขมแดงมีคุณสมบัติที่อาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
วิธีการปลูก
-
การเพาะเมล็ด
- เตรียมเมล็ด ใช้เมล็ดโขมแดงที่สมบูรณ์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเมล็ดพันธุ์ หรือเก็บเมล็ดจากต้นที่แก่จัด
- เตรียมดินเพาะกล้า ใช้ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
- หว่านเมล็ด หว่านเมล็ดโขมแดงลงบนแปลงเพาะหรือในกระถางให้กระจายตัว ไม่ต้องกลบดินหนามาก หรือโรยดินบางๆ ทับเล็กน้อย
- รดน้ำ รดน้ำให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอด้วยบัวรดน้ำฝอยละเอียด วางในที่ร่มรำไร เมล็ดจะงอกภายใน 3-5 วัน
- ย้ายกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ และสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร (ประมาณ 10-15 วันหลังเพาะเมล็ด) สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้
การปลูกและดูแล
- สภาพแวดล้อม โขมแดงชอบแสงแดดจัดเต็มที่ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ใบมีสีแดงเข้มและเจริญเติบโตได้ดี
- ดิน ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีความเป็นกรด-ด่าง (pH) ประมาณ 6.0-7.0
- การเตรียมแปลงปลูก ไถพรวนดินให้ร่วนซุย ลึกประมาณ 15-20 ซม. ตากดินทิ้งไว้ 3-5 วันเพื่อฆ่าเชื้อโรคและศัตรูพืช จากนั้นใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน
- ระยะปลูก ปลูกเป็นแถว โดยมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นมีการเจริญเติบโตที่ดีและง่ายต่อการดูแล
- การให้น้ำ รดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนหรือดินแห้งแล้ง รักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ แต่อย่าให้น้ำขัง
- การให้ปุ๋ย หลังย้ายปลูก 7-10 วัน สามารถให้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อย และอาจให้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพเสริม เพื่อบำรุงการเจริญเติบโตของใบ
- การพรวนดินและกำจัดวัชพืช หมั่นพรวนดินรอบโคนต้นอย่างเบามือเพื่อช่วยให้ดินร่วนซุย และกำจัดวัชพืชออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งธาตุอาหาร
- ศัตรูพืชและโรค โขมแดงค่อนข้างทนทานต่อศัตรูพืชและโรค แต่ก็อาจพบหนอนหรือเพลี้ยบ้าง ควรใช้วิธีควบคุมศัตรูพืชแบบธรรมชาติหรือชีวภัณฑ์
การเก็บเกี่ยว
- โขมแดงเป็นพืชที่โตเร็ว สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ภายใน 20-30 วันหลังย้ายปลูก โดยการตัดเก็บทีละใบ หรือตัดทั้งต้นเหนือโคนเล็กน้อย เพื่อให้แตกยอดใหม่มาเก็บเกี่ยวได้อีกหลายครั้ง
- หากต้องการเก็บเมล็ดพันธุ์ ควรปล่อยให้ต้นแก่จัดและออกดอกติดเมล็ด เมื่อเมล็ดแห้งและเปลี่ยนเป็นสีดำ สามารถเก็บเมล็ดไว้ปลูกในครั้งต่อไปได้