เมล็ดพันธุ์ ใบงาเกาหลีแดง

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • ใบมีสีม่วงแดงถึงแดงเข้มสวยงาม
  • ใบสดจะมีความกรอบเล็กน้อย
  • อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด
  • มีกลิ่นหอมคล้ายใบสะระแหน่และงาอ่อน ๆ

เมล็ดพันธุ์ ใบงาเกาหลีแดง 100 เมล็ด

ใบงาเกาหลีแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Perilla frutescens var. crispa f. purpurea) หรือที่เรียกว่า “붉은 깻잎” (Bulgeun Kkaennip) ในภาษาเกาหลี เป็นพืชสมุนไพรและผักชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีใบสีม่วงแดงถึงแดงเข้ม มีลักษณะและกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายกับใบงาเกาหลีเขียว แต่จะมีสีสันที่โดดเด่นกว่า มักถูกนำมาใช้ในอาหารเกาหลีเพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถรับประทานสด ๆ ห่อกับเนื้อย่าง ใช้เป็นผักเคียง หรือนำไปดองเช่นเดียวกับใบงาเกาหลีเขียว

คุณสมบัติ

  • สีสันโดดเด่น ใบมีสีม่วงแดงถึงแดงเข้มสวยงาม
  • กลิ่นหอมเฉพาะตัว มีกลิ่นหอมคล้ายใบสะระแหน่และงาอ่อน ๆ เช่นเดียวกับพันธุ์สีเขียว
  • รสชาติ มีรสชาติสดชื่น มีความเผ็ดเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายคลึงกับพันธุ์สีเขียว
  • เนื้อสัมผัส ใบสดจะมีความกรอบเล็กน้อย
  • คุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, แคลเซียม, โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังมีสารแอนโทไซยานินสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้สีแดงม่วง
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน, โรสแมรินิกแอซิด (rosmarinic acid) และลูทีโอลิน (luteolin) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย สารแอนโทไซยานินในปริมาณมากเป็นสิ่งที่แตกต่างจากพันธุ์สีเขียว
  • มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นแหล่งของกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และอาจมีคุณสมบัติทางยา

ประโยชน์ของใบงาเกาหลีแดง

  1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินเอและวิตามินซีสูงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  2. บำรุงผิวพรรณ สารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแอนโทไซยานิน ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายและอาจช่วยให้ผิวพรรณสดใส
  3. ช่วยในการแข็งตัวของเลือด วิตามินเคมีความสำคัญต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือด
  4. บำรุงกระดูกและฟัน แคลเซียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  5. มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง สารแอนโทไซยานินและสารอื่น ๆ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด
  6. อาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ สารโรสแมรินิกแอซิดและแอนโทไซยานินอาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
  7. อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด สารแอนโทไซยานินมีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  8. มีกลิ่นหอมช่วยเจริญอาหาร กลิ่นหอมเฉพาะตัวของใบงาเกาหลีอาจช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร

วิธีการปลูก

วิธีการปลูกใบงาเกาหลีแดงนั้นคล้ายคลึงกับการปลูกใบงาเกาหลีเขียว เนื่องจากเป็นพืชชนิดเดียวกัน เพียงแต่เป็นพันธุ์ที่มีสีของใบแตกต่างกัน ดังนี้

  1. การเตรียมดิน เลือกพื้นที่ปลูกที่มีดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ประมาณ 6.0-7.0 ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  2. การเพาะเมล็ด ใบงาเกาหลีแดงปลูกด้วยเมล็ด สามารถเพาะเมล็ดในแปลงเพาะกล้าก่อน หรือหว่านลงในแปลงปลูกโดยตรงก็ได้
      • เพาะกล้า หว่านเมล็ดในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะกล้าที่มีดินร่วน กลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ หรือสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร จึงย้ายลงแปลงปลูก
  3. หว่านโดยตรง หว่านเมล็ดเป็นแถวหรือห่างกันพอสมควร กลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  4. ระยะปลูก หากปลูกเป็นแถว ควรมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
  5. การให้น้ำ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
  6. การให้ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก่อนปลูก และอาจให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อยในช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโต
  7. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
  8. การเก็บเกี่ยว สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวใบได้เมื่อต้นมีขนาดพอสมควร โดยทั่วไปประมาณ 30-50 วันหลังปลูก สามารถเก็บเกี่ยวได้เรื่อย ๆ โดยเลือกเก็บใบที่สมบูรณ์ ไม่แก่จนเกินไป ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าที่มีอากาศเย็น เพื่อรักษาความสดของใบ หากต้องการเก็บเมล็ดไว้ขยายพันธุ์ต่อ ให้ปล่อยให้ต้นออกดอกและติดฝักจนฝักแก่และแห้ง