เมล็ดพันธุ์ บวบหอมป่า

30 ฿

  • จำนวน 40 เมล็ด
  • มีน้ำมากให้ความสดชื่น
  • มีแคลอรี่ต่ำเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส ในปริมาณที่พอสมควร
  • ช่วยในการขับถ่ายมีใยอาหาร

เมล็ดพันธุ์ บวบหอมป่า 40 เมล็ด

บวบหอมป่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa acutangula var. sylvestris) เป็นบวบชนิดหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae (วงศ์เดียวกับแตงกวา ฟักทอง และบวบเหลี่ยม) มีลักษณะคล้ายกับบวบหอมทั่วไป แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่า และมักขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าหรือริมรั้ว มีเถาเลื้อย มีมือเกาะ ใบมีลักษณะเป็นแฉกหยาบๆ และมีขน ผลมีลักษณะเป็นทรงกระบอกยาว มีสันตามยาวประมาณ 8-10 สัน ผิวสีเขียว เมื่อผลอ่อนจะมีเนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์ (น้อยกว่าบวบหอมบ้าน) สามารถนำมาประกอบอาหารได้

คุณสมบัติ

  • มีน้ำมาก ให้ความสดชื่น
  • มีใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย
  • มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส ในปริมาณที่พอสมควร
  • มีแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นลักษณะเด่น
  • สิ่งที่อาจแตกต่างจากบวบหอมบ้าน
    • ขนาดผล โดยทั่วไปจะมีขนาดเล็กกว่า
    • ความหอม อาจมีกลิ่นหอมน้อยกว่าบวบหอมบ้าน
    • ความขม บางครั้งอาจมีรสขมเล็กน้อย

ประโยชน์ของบวบหอมป่า

    • เป็นแหล่งผัก สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย เช่น ผัด แกง ต้ม หรือใส่ในซุป
    • ให้ความสดชื่น มีน้ำมาก
    • ช่วยในการขับถ่าย มีใยอาหาร
    • อาจมีสรรพคุณทางยาพื้นบ้าน เช่น ช่วยขับปัสสาวะ หรือแก้ร้อนใน (ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนนำมาใช้)

    ข้อควรระวัง เนื่องจากเป็นบวบที่ขึ้นตามธรรมชาติ ควรระมัดระวังในการเก็บเกี่ยวและบริโภค หากไม่แน่ใจว่าเป็นบวบหอมป่าจริงหรือไม่ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์
    • ไถพรวนดินและปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  • การเพาะเมล็ด

    • สามารถเก็บเมล็ดจากผลแก่ที่แห้งแล้ว
    • นำเมล็ดแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
    • หยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกประมาณ 2-3 เมล็ดต่อหลุม กลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 1-1.5 เมตร และระหว่างแถวประมาณ 1.5-2 เมตร
  • การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล
    • การใส่ปุ๋ย สามารถให้ปุ๋ยบำรุงบ้าง เช่น ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารสมดุล
    • การทำค้างหรือร้าน เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ควรทำค้างหรือร้านให้เถาบวบเกาะ
    • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
  • การเก็บเกี่ยว

    • เก็บเกี่ยวผลอ่อนเมื่อมีขนาดตามต้องการและยังนุ่ม