เมล็ดพันธุ์ ผักบุ้งนายอดแดง

30 ฿

  • จำนวน 120 เมล็ด
  • วิตามินเอและวิตามินซีช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ใยอาหารช่วยในการขับถ่ายและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก
  • โพแทสเซียมช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและความดันโลหิต
  • สารแอนโทไซยานินช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง

เมล็ดพันธุ์ ผักบุ้งนายอดแดง 120 เมล็ด

ผักบุ้งนายอดแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ipomoea aquatica) เป็นผักบุ้งจีนชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่นที่สังเกตได้ชัดเจนคือ ลำต้นและยอดอ่อนจะมีสีแดงอมม่วง สวยงาม แตกต่างจากผักบุ้งจีนทั่วไปที่มีลำต้นสีเขียว ส่วนใบยังมีลักษณะเรียวแหลมคล้ายหัวลูกศรและมีสีเขียวสดเหมือนผักบุ้งจีนสายพันธุ์อื่นๆ ผักบุ้งนายอดแดงยังคงอยู่ในวงศ์ Convolvulaceae และมีลักษณะการเจริญเติบโตแบบเลื้อยทอดไปตามพื้นหรือในน้ำ มีรสชาติหวานกรอบเล็กน้อย และนิยมนำมาประกอบอาหารเช่นเดียวกับผักบุ้งจีนทั่วไป เช่น ผัด ต้ม หรือเป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ

คุณสมบัติ

  • อุดมไปด้วยวิตามินเอ ในรูปของเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีบทบาทในการมองเห็นและระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
  • มีธาตุเหล็ก มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • มีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกายและความดันโลหิต
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะ แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารสีแดงอมม่วง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผักบุ้งจีนทั่วไป

ประโยชน์ของผักบุ้งนายอดแดง

  1. บำรุงสายตา เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งจำเป็นต่อการมองเห็น
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอและวิตามินซีช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  3. ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ใยอาหารช่วยในการขับถ่ายและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก
  4. ป้องกันภาวะโลหิตจาง ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
  5. บำรุงกระดูกและฟัน แคลเซียมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  6. ควบคุมความดันโลหิต โพแทสเซียมช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและความดันโลหิต
  7. ต้านอนุมูลอิสระสูง สารแอนโทไซยานินช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง
  8. อาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สารแอนโทไซยานินมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบในร่างกาย

วิธีการปลูก

  1. การเพาะเมล็ด
    • การเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืชออกให้หมด ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
    • การหว่านเมล็ด หว่านเมล็ดผักบุ้งนายอดแดงให้มีระยะห่างประมาณ 10-15 เซนติเมตร กลบดินบางๆ ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร
    • การให้น้ำ รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังหว่านเมล็ด และรดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
    • การดูแลรักษา เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ สามารถถอนแยกต้นที่ขึ้นถี่เกินไป
    • การเก็บเกี่ยว ผักบุ้งนายอดแดงที่ปลูกด้วยเมล็ดสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 20-30 วัน โดยถอนทั้งต้น หรือตัดเฉพาะส่วนยอด
  2. การปักชำ
    • การเตรียมท่อนพันธุ์ เลือกต้นผักบุ้งนายอดแดงที่แข็งแรง มีลำต้นสีแดงชัดเจน ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยให้มีข้ออย่างน้อย 2-3 ข้อ
    • การปักชำ นำท่อนพันธุ์ปักลงในดินที่เตรียมไว้ ให้มีข้ออย่างน้อย 1 ข้ออยู่ใต้ดิน กลบดินให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม
    • การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อรักษาความชื้นในดิน
    • การดูแลรักษา เมื่อต้นเริ่มแตกยอดและมีใบใหม่ แสดงว่ารากเริ่มงอกแล้ว
    • การเก็บเกี่ยว ผักบุ้งนายอดแดงที่ปลูกด้วยการปักชำสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ดเล็กน้อย โดยตัดเฉพาะส่วนยอด
  3. การดูแลทั่วไป
    • แสงแดด ผักบุ้งนายอดแดงต้องการแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้มีสีแดงสวยงามและเจริญเติบโตได้ดี
    • น้ำ ต้องการน้ำมาก ควรรักษาความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ หากปลูกในแปลงนาหรือพื้นที่ที่มีน้ำขังจะเจริญเติบโตได้ดีมาก และสีแดงอาจจะเด่นชัดยิ่งขึ้น
    • ปุ๋ย สามารถให้ปุ๋ยเพิ่มเติมได้บ้าง เช่น ปุ๋ยยูเรียเล็กน้อย เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
    • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ