เมล็ดพันธุ์ ยาสูบ

30 ฿

  • จำนวน 1,500 เมล็ด
  • ใบยาสูบที่ผ่านการบ่มจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
  • ใบยาสูบแห้งสามารถเผาไหม้ได้ดี
  • ใบยาสูบมีสารชื่อว่านิโคติน เป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง

เมล็ดพันธุ์ ยาสูบ 1,500 เมล็ด

ยาสูบ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nicotiana tabacum L.) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Solanaceae (วงศ์เดียวกับมะเขือ พริก และมันฝรั่ง) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังทั่วโลก มีลักษณะเด่นคือมีลำต้นสูงประมาณ 1-3 เมตร ใบมีขนาดใหญ่รูปไข่หรือรูปหอก มีขนปกคลุม ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีสีชมพู ขาว หรือแดง ผลเป็นแคปซูลขนาดเล็ก ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์หลักคือใบ ซึ่งนำไปทำให้แห้งและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบต่างๆ เช่น บุหรี่ ซิการ์ ยาเส้น

คุณสมบัติ

  • มีสารนิโคติน ใบยาสูบมีสารอัลคาลอยด์ที่ชื่อว่านิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
  • มีกลิ่นเฉพาะตัว ใบยาสูบที่ผ่านการบ่มจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
  • การเผาไหม้ ใบยาสูบแห้งสามารถเผาไหม้ได้ดี
  • มีสารเคมีหลากหลายชนิด นอกจากนิโคตินแล้ว ในใบยาสูบยังมีสารเคมีอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ทาร์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และสารก่อมะเร็งต่างๆ

ประโยชน์ของยาสูบ

แม้ว่ายาสูบจะมีโทษต่อสุขภาพอย่างชัดเจน แต่ในบางบริบทก็มีประโยชน์ดังนี้:

  1. ใช้ในอุตสาหกรรมยา สารนิโคตินและสารเคมีอื่นๆ ที่พบในยาสูบได้รับการศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการผลิตยาบางชนิด เช่น ยาสำหรับรักษาโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน (อยู่ในขั้นตอนการวิจัย)
  2. ใช้เป็นยาฆ่าแมลงในอดีต สารสกัดจากใบยาสูบเคยถูกนำมาใช้เป็นยาฆ่าแมลงในทางการเกษตร เนื่องจากมีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงบางชนิด (ปัจจุบันไม่นิยมใช้เนื่องจากมีสารพิษตกค้างและมีสารเคมีสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพกว่า)
  3. ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม ในบางวัฒนธรรมดั้งเดิม ยาสูบถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาหรือเป็นส่วนหนึ่งของประเพณี
  4. เป็นพืชเศรษฐกิจ ในบางประเทศ ยาสูบยังคงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง (อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหลายประเทศมีนโยบายลดการปลูกยาสูบเนื่องจากผลกระทบต่อสุขภาพ)

วิธีการปลูก

การปลูกยาสูบมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องมีการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษเพื่อให้ได้ใบยาสูบที่มีคุณภาพดี:

  1. การเตรียมดิน เลือกพื้นที่ปลูกที่มีดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ประมาณ 5.5-6.5 ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมั
  2. การเพาะกล้า หว่านเมล็ดยาสูบขนาดเล็กมากในแปลงเพาะกล้าที่มีดินละเอียดและมีการระบายน้ำดี คลุมด้วยวัสดุบางๆ เช่น ฟางข้าว หรือกระสอบ
    • รดน้ำด้วยฝักบัวเบาๆ ให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ
    • เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือมีใบจริง 4-6 ใบ และมีความสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร จึงย้ายลงแปลงปลูก
  3. การเตรียมแปลงปลูก ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพื่อการระบายน้ำที่ดี กำหนดระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 40-60 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80-120 เซนติเมตร
  4. การปลูก ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของรากต้นกล้า นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินรอบโคนต้นเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
  5. การให้น้ำ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะเกินไป
  6. การให้ปุ๋ย ยาสูบต้องการธาตุอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ควรใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำของนักวิชาการเกษตร โดยทั่วไปจะมีการใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก และใส่ปุ๋ยแต่งหน้าในช่วงต่างๆ ของการเจริญเติบโต
  7. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
  8. การพรวนดินและพูนโคน พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อเพิ่มอากาศในดิน และพูนโคนต้นเล็กน้อยเพื่อช่วยให้ลำต้นแข็งแรง
  9. การเด็ดยอด เมื่อต้นยาสูบมีจำนวนใบตามที่ต้องการ (ประมาณ 12-20 ใบ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และวัตถุประสงค์) จะต้องเด็ดยอดทิ้ง เพื่อให้ใบเจริญเติบโตเต็มที่และมีคุณภาพดี
  10. การควบคุมโรคและแมลง ยาสูบอาจถูกทำลายโดยโรคและแมลงหลายชนิด ต้องมีการตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ และใช้มาตรการควบคุมที่เหมาะสม เช่น การใช้สารชีวภัณฑ์ หรือสารเคมีเมื่อจำเป็น
  11. การเก็บเกี่ยว ใบยาสูบจะเริ่มแก่และพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อใบมีสีเหลืองอ่อน หรือมีจุดสีเหลืองปรากฏบนใบ จะทยอยเก็บเกี่ยวใบจากด้านล่างขึ้นด้านบน โดยเลือกเก็บใบที่แก่ได้ที่
  12. การบ่มใบยาสูบ ใบยาสูบที่เก็บเกี่ยวได้จะต้องนำไปบ่ม (curing) เพื่อลดความชื้น เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมี และพัฒนากลิ่นหอม การบ่มมีหลายวิธี เช่น การบ่มด้วยลมร้อน การบ่มในโรงบ่ม