ดาวกระจายไทยเหลือง 100 เมล็ด
ดาวกระจายไทยเหลือง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cosmos sulphureus Cav.) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดาวกระจายเหลือง” หรือ “ดาวกระจายเม็กซิกัน” เป็นไม้ดอกล้มลุกในวงศ์ทานตะวัน (Asteraceae) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โดยเฉพาะเม็กซิโกและอเมริกากลาง ลักษณะเด่นคือมีดอกสีเหลืองสดใสไปจนถึงสีส้มและแดงอมส้ม กลีบดอกเรียงเป็นชั้นสวยงาม คล้ายดอกทานตะวันขนาดเล็ก มีใบเรียวเล็ก แตกเป็นแฉกละเอียด ออกดอกดกและบานพร้อมกันทั้งต้น ทำให้ดูสวยงามและเป็นที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในสวน หรือปลูกเป็นแปลงขนาดใหญ่เพื่อความสวยงาม
คุณสมบัติ
- ลักษณะลำต้น เป็นพืชล้มลุก ทรงพุ่ม มีความสูงตั้งแต่ 30 เซนติเมตรถึง 2 เมตร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการดูแลรักษา ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านได้ดี
- ลักษณะใบ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น แตกเป็นแฉกละเอียด ปลายใบแหลม สีเขียวสด
- ลักษณะดอก ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ หรือออกรวมกันเป็นช่อกระจุกแน่น มีกลีบดอกชั้นเดียวน้อยกว่า 10 กลีบ หรือบางพันธุ์อาจมีกลีบดอกซ้อนกัน (Semi-double หรือ Double)
- สีดอก มีหลากหลายเฉดสีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีเหลืองทอง สีส้ม ไปจนถึงสีแดงอมส้ม (โดยปกติ “ดาวกระจายไทยเหลือง” จะเน้นที่สีเหลือง)
- ขนาดดอก ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-8 เซนติเมตร
- การออกดอก ออกดอกตลอดทั้งปีในสภาพอากาศที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะออกดอกดกและสีสดใสเป็นพิเศษ
- การปรับตัว ทนแล้งได้ดี ชอบแสงแดดจัด ไม่ชอบน้ำขัง ปลูกง่าย โตเร็ว
- การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ของดาวกระจายไทยเหลือง
- ไม้ประดับ เป็นไม้ดอกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการปลูกประดับตกแต่งสวนสาธารณะ บ้านเรือน รีสอร์ท หรือปลูกเป็นแปลงขนาดใหญ่เพื่อความสวยงามและดึงดูดสายตา ด้วยสีสันที่สดใสและความดกของดอก
- ดึงดูดแมลงผสมเกสร ดอกดาวกระจายไทยเหลืองมีเกสรและน้ำหวานที่ดึงดูดผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงอื่นๆ มาช่วยผสมเกสรให้กับพืชชนิดอื่นในสวน
- ปลูกคลุมดิน/ปรับปรุงทัศนียภาพ สามารถปลูกเป็นพืชคลุมดินชั่วคราว หรือปลูกเพื่อปรับปรุงทัศนียภาพในพื้นที่ว่างให้สวยงาม
- ใช้ในงานเทศกาล/พิธีกรรม ดอกที่มีสีสันสดใสอาจถูกนำมาใช้ในงานเทศกาลหรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ (เช่นเดียวกับดอกดาวเรืองในบางวัฒนธรรม)
- ความเชื่อ/สิริมงคล บางคนมีความเชื่อว่าการปลูกดาวกระจายจะช่วยเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จ
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- ชอบดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบดินเหนียวหรือดินที่น้ำขัง
- ควรปรับปรุงดินโดยการผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่าเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์และช่วยการระบายน้ำ
- การเพาะเมล็ด
- สามารถหว่านเมล็ดโดยตรงลงในแปลงปลูก หรือเพาะกล้าก่อนแล้วค่อยย้ายปลูก
- การหว่านโดยตรง หว่านเมล็ดลงบนดินที่เตรียมไว้แล้วกลบดินบางๆ ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร รดน้ำเบาๆ ให้ชุ่มชื้น
- การเพาะกล้า เพาะเมล็ดในถาดเพาะหรือกระถางเล็กๆ ใช้ดินเพาะกล้า รดน้ำให้ชุ่มชื้น วางในที่ร่มรำไร เมล็ดจะงอกภายใน 5-10 วัน
- การย้ายกล้าปลูก (สำหรับกรณีเพาะกล้า)
- เมื่อต้นกล้าแข็งแรง มีใบจริง 2-3 คู่ หรือสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร ก็พร้อมย้ายลงแปลงปลูก
- ควรย้ายในช่วงเย็นหรือช่วงที่อากาศไม่ร้อนจัด
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของพันธุ์ที่ปลูก เพื่อให้แต่ละต้นมีพื้นที่ในการเจริญเติบโต
- แสงแดด
- ดาวกระจายไทยเหลืองเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัดมาก ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งได้รับแสงแดดมาก ดอกจะยิ่งดกและสีสดใส
- การรดน้ำ
- รดน้ำสม่ำเสมอในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และเมื่อดินแห้ง
- เมื่อต้นโตเต็มที่แล้ว ค่อนข้างทนแล้ง ไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย แต่การรดน้ำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ต้นแข็งแรงและออกดอกได้ดี
- ระวังอย่าให้น้ำขังแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่าได้
- การใส่ปุ๋ย
- ไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินอุดมสมบูรณ์ดี
- อาจให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณน้อย หรือปุ๋ยอินทรีย์บ้างเมื่อต้นเริ่มตั้งตัวและก่อนออกดอก เพื่อกระตุ้นการออกดอก
- การดูแลรักษาทั่วไป
- การเด็ดยอด/ตัดแต่ง หากต้องการให้ต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มสวยงามและออกดอกดก อาจเด็ดยอดเมื่อต้นยังเล็ก
- การกำจัดวัชพืช หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหาร
- โรคและแมลง โดยทั่วไปดาวกระจายไทยเหลืองค่อนข้างทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืช
ข้อควรระวัง:
- ดาวกระจายไทยเหลืองเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่ายและอาจกลายเป็นวัชพืชได้ในบางพื้นที่ หากปล่อยให้เมล็ดร่วงและงอกเอง
- ผู้ที่มีอาการแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ควรระมัดระวังเมื่ออยู่ใกล้แปลงดอกดาวกระจาย