เมล็ดพันธุ์ ผักบุ้งแก้ว

30 ฿

  • จำนวน 250 เมล็ด
  • เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งจำเป็นต่อการมองเห็น
  • แคลเซียมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  • โพแทสเซียมช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและความดันโลหิต
  • ใยอาหารช่วยในการขับถ่ายและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก

เมล็ดพันธุ์ ผักบุ้งแก้ว 250 เมล็ด

ผักบุ้งแก้ว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ipomoea aquatica) เป็นผักใบเขียวชนิดเดียวกับผักบุ้งจีน อยู่ในวงศ์ Convolvulaceae (วงศ์เดียวกับมันเทศและผักบุ้งไทย) แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ ลำต้นจะอวบกลวงและพองกว่าผักบุ้งจีนอย่างเห็นได้ชัด ดูใสคล้ายแก้ว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ มีใบสีเขียวสด ลักษณะเรียวแหลมคล้ายหัวลูกศรเหมือนผักบุ้งจีน ผักบุ้งแก้วมีรสชาติหวานกรอบ อร่อย นิยมนำมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู เช่น ผัดผักบุ้ง แกงเทโพ หรือรับประทานสดในสลัด

คุณสมบัติ

  • อุดมไปด้วยวิตามินเอ ในรูปของเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีบทบาทในการมองเห็นและระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
  • มีธาตุเหล็ก มีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • มีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกายและความดันโลหิต
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น ฟลาโวนอยด์

ประโยชน์ของผักบุ้งแก้ว

  1. บำรุงสายตา เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งจำเป็นต่อการมองเห็น
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินเอและวิตามินซีช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  3. ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ใยอาหารช่วยในการขับถ่ายและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก
  4. ป้องกันภาวะโลหิตจาง ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
  5. บำรุงกระดูกและฟัน แคลเซียมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  6. ควบคุมความดันโลหิต โพแทสเซียมช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและความดันโลหิต
  7. อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย

วิธีการปลูก

  1. การเพาะเมล็ด
    • การเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืชออกให้หมด ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
    • การหว่านเมล็ด หว่านเมล็ดผักบุ้งแก้วให้มีระยะห่างประมาณ 10-15 เซนติเมตร กลบดินบางๆ ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร
    • การให้น้ำ รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังหว่านเมล็ด และรดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
    • การดูแลรักษา เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ สามารถถอนแยกต้นที่ขึ้นถี่เกินไป
    • การเก็บเกี่ยว ผักบุ้งแก้วที่ปลูกด้วยเมล็ดสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 20-30 วัน โดยถอนทั้งต้น หรือตัดเฉพาะส่วนยอด
  2. การปักชำ
    • การเตรียมท่อนพันธุ์ เลือกต้นผักบุ้งแก้วที่แข็งแรง ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยให้มีข้ออย่างน้อย 2-3 ข้อ
    • การปักชำ นำท่อนพันธุ์ปักลงในดินที่เตรียมไว้ ให้มีข้ออย่างน้อย 1 ข้ออยู่ใต้ดิน กลบดินให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม
    • การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อรักษาความชื้นในดิน
    • การดูแลรักษา เมื่อต้นเริ่มแตกยอดและมีใบใหม่ แสดงว่ารากเริ่มงอกแล้ว
    • การเก็บเกี่ยว ผักบุ้งแก้วที่ปลูกด้วยการปักชำสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าการเพาะเมล็ดเล็กน้อย โดยตัดเฉพาะส่วนยอด
  3. การดูแลทั่วไป
    • แสงแดด ผักบุ้งแก้วต้องการแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
    • น้ำ ต้องการน้ำมาก ควรรักษาความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ หากปลูกในแปลงนาหรือพื้นที่ที่มีน้ำขังจะเจริญเติบโตได้ดีมาก
    • ปุ๋ย สามารถให้ปุ๋ยเพิ่มเติมได้บ้าง เช่น ปุ๋ยยูเรียเล็กน้อย เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
    • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ