เมล็ดพันธุ์ ทามาริลโล

30 ฿

  • จำนวน 10 เมล็ด
  • มีสรรพคุณทางยาพื้นบ้านในบางท้องถิ่นมีการใช้ทามาริลโลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและไข้
  • สามารถรับประทานสดได้โดยตรง โดยอาจโรยน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวาน
  • สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย

เมล็ดพันธุ์ ทามาริลโล 10 เมล็ด

ทามาริลโล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum betaceum) เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็กอยู่ในวงศ์เดียวกับมะเขือ (Solanaceae) มีลักษณะเด่นคือ ผลรูปไข่คล้ายมะเขือเทศ แต่มีขนาดเล็กกว่า ผิวเรียบเป็นมัน มีสีแดง ส้ม หรือเหลือง เนื้อมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2-5 เมตร มีใบขนาดใหญ่รูปหัวใจ มีขนอ่อนปกคลุม ดอกมีสีชมพูอ่อนหรือขาว ออกเป็นช่อ ผลมีผิวเรียบเป็นมัน เนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก มีถิ่นกำเนิดในแถบเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต้ ชื่อเรียกอื่นมะเขือเทศต้น (Tree Tomato – ชื่อภาษาอังกฤษ)

คุณสมบัติ

  • ลักษณะภายนอกโดดเด่น ผลรูปไข่ ผิวเรียบเป็นมัน มีสีแดง ส้ม หรือเหลือง
  • รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ บางครั้งอาจมีรสขมเล็กน้อย
  • เนื้อสัมผัส เนื้อฉ่ำน้ำ คล้ายมะเขือเทศแต่แน่นกว่า
  • คุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม และใยอาหาร รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีสารไลโคปีน (ในผลสีแดง) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็น ชอบอากาศเย็นและมีความชื้นสูง

ประโยชน์ของทามาริลโล

  1. บริโภคเป็นผลไม้สด สามารถรับประทานสดได้โดยตรง โดยอาจโรยน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวาน
  2. นำไปทำเครื่องดื่ม ใช้ทำน้ำผลไม้ปั่น หรือส่วนผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ
  3. ใช้ทำอาหาร นำไปทำซอส แยม เจลลี่ หรือใช้ในเมนูอาหารคาวบางชนิด เช่น สตูว์
  4. แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย
  5. สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  6. ใยอาหารสูง ช่วยในระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
  7. มีสรรพคุณทางยาพื้นบ้าน ในบางท้องถิ่นมีการใช้ทามาริลโลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและไข้

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว อัตรา 2-3 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ ทำแปลงให้มีขนาดเหมาะสม
  2. การเพาะเมล็ด

    • หว่านเมล็ดในถาดเพาะกล้า โดยโรยเมล็ดบาง ๆ กลบด้วยดินละเอียด
    • รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรจนเมล็ดงอก
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 4-6 ใบ สูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร (ประมาณ 2-3 เดือน) สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้
  3. การปักชำ

    • เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร
    • ตัดใต้ข้อ ลิดใบล่างออก เหลือใบบน 2-3 คู่
    • ปักชำในวัสดุปลูกที่ระบายน้ำได้ดี เช่น ทรายผสมขี้เถ้าแกลบ
    • รดน้ำให้ชุ่ม และเก็บไว้ในที่ร่มรำไรจนรากงอกดี (ประมาณ 1-2 เดือน) จึงย้ายลงแปลงปลูก
  4. การปลูกลงแปลง

    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่ารากเล็กน้อย
    • วางต้นกล้าลงในหลุม กลบดินให้มิดส่วนโคนต้น กดดินเบา ๆ
    • รดน้ำให้ชุ่ม
    • ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 2-3 เมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 3-4 เมตร เนื่องจากทามาริลโลเป็นไม้พุ่ม
  5. การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล รักษาระดับความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
    • การให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์สม่ำเสมอ อาจเสริมด้วยปุ๋ยเคมีสูตรเสมอในช่วงแรก และสูตรที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงในช่วงออกดอกและติดผล
    • การค้ำยัน: เมื่อต้นเริ่มโตและมีผล ควรทำค้ำยันเพื่อป้องกันกิ่งหักจากน้ำหนักของผล
    • การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ กิ่งแห้ง หรือกิ่งที่แน่นทึบเกินไป เพื่อให้แสงแดดส่องถึงและอากาศถ่ายเทได้ดี
    • การป้องกันโรคและแมลง: ตรวจสอบต้นทามาริลโลอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคหรือแมลงให้รีบกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
  6. การเก็บเกี่ยว

    • ทามาริลโลจะเริ่มให้ผลผลิตประมาณ 1-2 ปี หลังการปลูก
    • เก็บเกี่ยวเมื่อผลมีสีสม่ำเสมอตามสายพันธุ์ ผิวเป็นมัน และเนื้อเริ่มนิ่มเล็กน้อย

ข้อควรจำ: ทามาริลโลชอบอากาศเย็นและมีความชื้นสูง การปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้นอาจต้องมีการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี