เมล็ดพันธุ์ ถั่วลันเตาหวาน

30 ฿

  • จำนวน 30 เมล็ด
  • เมล็ดด้านในเล็ก นิยมนำฝักทั้งฝักมาปรุงอาหาร
  • ไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหาร
  • มักปลูกในฤดูหนาว เพราะชอบอากาศเย็น
  • แคลอรีต่ำ ไขมันต่ำ

เมล็ดพันธุ์ ถั่วลันเตาหวาน 30 เมล็ด

ถั่วลันเตาหวาน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pisum sativum var. macrocarpon) เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Fabaceae

ลักษณะเด่น

  • เป็นไม้เลื้อย อายุสั้น (ล้มลุก)

  • ฝักแบน สีเขียวสด กรอบ และหวาน

  • เมล็ดด้านในเล็ก นิยมนำฝักทั้งฝักมาปรุงอาหาร

  • มักปลูกในฤดูหนาว เพราะชอบอากาศเย็น

คุณสมบัติ

  • เจริญเติบโตเร็ว เก็บเกี่ยวได้ในเวลาเพียง 60–80 วัน

  • ชอบอากาศเย็น อุณหภูมิประมาณ 15–25°C

  • ฝักบาง กรอบ หวาน ทานได้ทั้งฝักและเมล็ด

  • ออกดอกเป็นช่อ ดอกสีขาวหรือม่วง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์

ประโยชน์ของถั่วลันเตาหวาน

  1. อุดมด้วยสารอาหาร

    • วิตามิน C, A, B1, B2 และกรดโฟลิก

    • แร่ธาตุ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม

    • ไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหาร

  2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ

    • ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

    • เสริมภูมิคุ้มกัน

  3. เหมาะกับคนควบคุมน้ำหนัก

    • แคลอรีต่ำ ไขมันต่ำ

    • ให้พลังงานน้อยแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

  4. ใช้ทำอาหารได้หลากหลาย

    • ผัด ต้ม จิ้มน้ำพริก ใส่ในยำหรือสลัด

    • ฝักกรอบ หวาน ทานสดได้

วิธีการปลูก

  1. ช่วงเวลาปลูก

    • ปลูกได้ดีในฤดูหนาว หรือปลายฝนต้นหนาว (ตุลาคม–มกราคม)

    • ปลูกในที่อากาศเย็นจัดจะหวานกรอบมากขึ้น

  2. การเตรียมแปลง

    • ไถพรวนดิน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองพื้น

    • ยกร่องเพื่อระบายน้ำดี

  3. การปลูก

    • ใช้เมล็ดปลูกลงแปลงโดยตรง หยอดหลุมละ 1–2 เมล็ด

    • ระยะปลูก 20–30 ซม. ระหว่างแถว 50–60 ซม.

    • ปักค้างหรือรั้วให้เลื้อย

  4. การดูแล

    • รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าให้แฉะ

    • ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยสูตรเสมอ (15-15-15) ช่วยเร่งฝัก

    • ระวังหนอนเจาะฝัก เพลี้ย และโรคราน้ำค้าง

  5. การเก็บเกี่ยว

    • เก็บเมื่อฝักเริ่มโตเต็มที่ แต่ยังไม่แก่เกินไป (ประมาณ 60 วันหลังปลูก)

    • เก็บวันเว้นวันเพื่อกระตุ้นให้ติดฝักใหม่

    • เก็บตอนเช้าเพื่อคงความหวานกรอบ