เมล็ดพันธุ์ แตงไทยลาย 50 เมล็ด
แตงไทยลาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucumis melo var. reticulatus) เป็นพืชในวงศ์แตง (Cucurbitaceae) มีลักษณะเด่นคือ ผิวของผลจะมีลายร่างแหคล้ายตาข่าย ปกคลุมทั่วทั้งผล ทำให้แตกต่างจากแตงไทยชนิดอื่น ๆ ที่มีผิวเรียบเนียน บางครั้งจึงถูกเรียกว่า “แตงไทยตาข่าย” หรือ “แคนตาลูปไทย” เป็นไม้เถาเลื้อย มีมือเกาะ ลำต้นมีขนอ่อน ใบเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือห้าเหลี่ยม มีขนทั้งสองด้าน ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีเหลือง ผลมีรูปทรงกลม รี หรือแป้นเล็กน้อย เนื้อผลมีสีขาว เหลืองอ่อน หรือเขียวอ่อน มีรสชาติหวานหอม เมล็ดแบนรี สีขาวครีม
คุณสมบัติ
- ลักษณะภายนอกโดดเด่น
- ผิวผลมีลายร่างแหชัดเจน เป็นเอกลักษณ์
- รสชาติหวานหอม
- เนื้อผลมีความหวานและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ชวนรับประทาน
- เนื้อสัมผัส
- เนื้อมีความกรอบ นุ่ม และชุ่มฉ่ำ
- คุณค่าทางโภชนาการ
- อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม และใยอาหาร
- ปรับตัวได้ดี
- สามารถปลูกได้ในสภาพอากาศที่หลากหลายในประเทศไทย
ประโยชน์ของแตงไทยลาย
- บริโภคสด
- เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานสด เพื่อดับกระหายคลายร้อน
- ประกอบอาหาร
- สามารถนำไปทำขนมหวาน เช่น แตงไทยน้ำกะทิ หรือนำไปปั่นเป็นเครื่องดื่ม
- แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
- ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
- ใยอาหารสูง
- ช่วยในระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
- เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
- สร้างรายได้
- เป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรนิยมปลูกเพื่อจำหน่าย
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลง
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ
-
การเพาะกล้า (สามารถเพาะกล้าหรือหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรงก็ได้):
- เพาะกล้า แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 4-6 ชั่วโมง แล้วนำไปเพาะในถาดเพาะกล้าที่มีวัสดุเพาะ เช่น พีทมอส หรือดินผสม
- รดน้ำให้ชุ่ม เก็บไว้ในที่ร่มรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ (ประมาณ 10-15 วัน) จึงย้ายลงแปลงปลูก
-
การปลูก
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมและระหว่างแถวประมาณ 1-1.5 เมตร
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบา ๆ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
- หากหยอดเมล็ดโดยตรง ให้หยอด 2-3 เมล็ดต่อหลุม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนแยกเหลือหลุมละ 1-2 ต้น
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล ระวังอย่าให้น้ำขัง
- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และเมื่อเริ่มติดผลให้เปลี่ยนเป็นปุ๋ยสูตรที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น 13-13-21) เพื่อช่วยในการสร้างเนื้อและเพิ่มความหวาน
- การทำค้าง เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ควรทำค้างเพื่อให้เถาได้เกาะและผลไม่สัมผัสกับดินโดยตรง ช่วยลดความเสียหายและโรค
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
- การป้องกันและกำจัดโรคแมลง หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคหรือแมลงให้รีบทำการป้องกันและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
-
การเก็บเกี่ยว
- แตงไทยลายจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 60-80 วัน หลังหยอดเมล็ด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศ
- สังเกตลักษณะผลที่แก่จัด เช่น ผิวมีลายร่างแหชัดเจน สีผิวเริ่มเปลี่ยนเล็กน้อย ขั้วผลเริ่มแห้ง เมื่อเคาะเบา ๆ จะมีเสียงทึบ