เมล็ดพันธุ์ กระเจี๊ยบสตรอว์เบอร์รี่

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • สารแอนโทไซยานินช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
  • มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตและไขมันในเส้นเลือด
  • ช่วยในการขับปัสสาวะ
  • สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย

เมล็ดพันธุ์ กระเจี๊ยบสตรอว์เบอร์รี่ 100 เมล็ด

กระเจี๊ยบสตรอว์เบอร์รี่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus sabdariffa L.) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Malvaceae มีลักษณะเด่นคือ กลีบเลี้ยง (calyx) ที่มีสีแดงสดหรือสีม่วงเข้ม ซึ่งจะขยายใหญ่ขึ้นเมื่อดอกโรย และเป็นส่วนที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์

คุณสมบัติ

  • ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
    • ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 1-2 เมตร ใบมีหลายแฉกคล้ายใบเมเปิล ดอกมีสีเหลืองหรือสีชมพูอมเหลือง กลีบเลี้ยงหนา อวบน้ำ และมีสีสันสวยงาม (โดยทั่วไปคือสีแดงสดหรือม่วงแดง)
  • รสชาติ
    • มีรสเปรี้ยว
  • สารสำคัญ
    • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (anthocyanins), กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid หรือวิตามินซี), กรดซิตริก (citric acid) และสารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds) อื่นๆ
  • การปรับตัว
    • เป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน

ประโยชน์ของกระเจี๊ยบสตรอว์เบอร์รี่

  1. เครื่องดื่ม
    • กลีบเลี้ยงนำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลเล็กน้อย จะได้เครื่องดื่มกระเจี๊ยบที่มีรสชาติสดชื่น สีแดงสวยงาม คล้ายสีของสตรอว์เบอร์รี
  2. อาหาร
    • กลีบเลี้ยงอ่อนและใบอ่อนสามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่น ยำ แกงส้ม หรือผัด
  3. ยา
    • มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณ เช่น ช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด ขับปัสสาวะ และเป็นยาระบายอ่อนๆ
  4. ผลิตภัณฑ์แปรรูป
    • สามารถนำไปทำแยม เยลลี่ ไวน์ หรือกระเจี๊ยบอบแห้ง
  5. สีผสมอาหารจากธรรมชาติ
    • สารแอนโทไซยานินในกลีบเลี้ยงให้สีแดงสวยงาม สามารถนำมาใช้เป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติได้

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน
    • กระเจี๊ยบชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ควรไถพรวนดินให้ละเอียด และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  2. การเพาะเมล็ด
    • แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 4-6 ชั่วโมง แล้วนำไปเพาะในกระบะเพาะ หรือแปลงเพาะ กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  3. การย้ายกล้า
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริงประมาณ 4-6 ใบ หรือสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ให้ย้ายลงแปลงปลูก โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-80 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 80-100 เซนติเมตร
  4. การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอในช่วงแรกของการปลูก เมื่อต้นโตแล้วอาจลดปริมาณการให้น้ำได้ แต่ควรรักษาความชื้นในดินอย่างสม่ำเสมอ
    • การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และอาจใส่ปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดดอกออกผล
    • การกำจัดวัชพืช กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช หมั่นตรวจดูแมลงและโรค หากพบให้รีบกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติ หรือใช้สารเคมีหากจำเป็น
  5. การเก็บเกี่ยว
    • โดยทั่วไปจะเริ่มเก็บเกี่ยวดอกกระเจี๊ยบหลังจากปลูกประมาณ 3-5 เดือน สังเกตกลีบเลี้ยงที่มีสีเข้มจัดและอวบหนา เป็นสัญญาณของการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม ควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่กลีบเลี้ยงยังสดและไม่แก่จนเกินไป