เมล็ดพันธุ์ บวบงูสั้น 40 เมล็ด
บวบงูสั้น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Trichosanthes cucumerina var. anguina (L.) Roxb.) เป็นพืชผักเถาเลื้อยชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae (วงศ์แตง) เป็นพันธุ์หนึ่งของบวบงู (Snake Gourd) ที่มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดสั้นกว่าบวบงูทั่วไป โดยทั่วไปจะมีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร (แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม) และมีรูปร่างโค้งงอคล้ายงู
คุณสมบัติ
- ลำต้น เป็นเถาเลื้อย มีมือเกาะสำหรับยึดเหนี่ยว
- ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปฝ่ามือ มี 3-7 แฉก ขอบใบหยัก มีขนอ่อนๆ
- ดอก เป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกมีสีขาว กลีบดอกมีลักษณะเป็นเส้นฝอยคล้ายลูกไม้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในเวลากลางคืน
- ผล มีลักษณะยาวเรียว โค้งงอคล้ายงู แต่มีขนาดสั้นกว่าบวบงูยาว ผิวผลสีเขียวอ่อน มีลายสีขาวหรือเขียวเข้มพาดตามยาว เมื่อแก่จัดผิวจะแข็งและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
- รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ผลมีลักษณะยาวเรียว โค้งงอคล้ายงู แต่มีขนาดสั้น ทำให้ดูน่าสนใจและแตกต่างจากบวบชนิดอื่นๆ
- รสชาติ ผลดิบมีรสชาติจืด เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ คล้ายบวบเหลี่ยม แต่มีความนุ่มกว่าเล็กน้อย
- คุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และใยอาหาร
- เติบโตเร็ว เป็นพืชที่เจริญเติบโตค่อนข้างเร็วและให้ผลผลิตได้ดีในสภาพอากาศที่เหมาะสม
- ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู และส่วนต่างๆ ของต้นยังมีประโยชน์ทางสมุนไพร
ประโยชน์ของบวบงูสั้น
- เป็นอาหาร ผลดิบใช้เป็นผักในการประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น ผัด แกง ต้ม หรือลวกจิ้ม มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและรสชาติจืด ทำให้เข้ากันได้ดีกับเครื่องปรุงรสต่างๆ
- คุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดี ช่วยในการขับถ่าย และมีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
- ทางสมุนไพร ในบางท้องถิ่นมีการใช้ส่วนต่างๆ ของบวบงู (รวมถึงบวบงูสั้น) ในทางสมุนไพร เช่น
- ราก ใช้ขับปัสสาวะ
- ใบ ใช้ภายนอกเพื่อลดอาการอักเสบ
- ผลอ่อน ช่วยบำรุงร่างกาย
- ไม้ประดับ ด้วยรูปร่างของผลที่แปลกตาและดอกที่มีลักษณะสวยงาม ทำให้บวบงูสั้นสามารถปลูกเป็นไม้ประดับในสวนได้ โดยปล่อยให้เลื้อยพันซุ้มหรือรั้ว
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน บวบงูสั้นชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ 2-3 วัน จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าให้เข้ากัน ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-1.5 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 50-80 เซนติเมตร
-
การเพาะเมล็ด
- นำเมล็ดบวบงูสั้นมาแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
- หยอดเมล็ดลงในหลุมที่เตรียมไว้ในแปลงปลูก หลุมละ 2-3 เมล็ด ลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 80-100 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1.5-2 เมตร (เนื่องจากเถาจะเลื้อยค่อนข้างกว้าง)
- กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรงเพื่อป้องกันโรครา
- การให้ปุ๋ย เมื่อต้นบวบอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) เล็กน้อยเพื่อบำรุงต้น จากนั้นเมื่อเริ่มออกดอกและติดผล ให้ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) หรือปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของผล
- การทำค้าง บวบงูสั้นเป็นไม้เถาเลื้อยที่ต้องการค้างสำหรับเกาะ ควรทำค้างที่แข็งแรง เช่น ค้างไม้ไผ่ หรือตาข่ายพลาสติก เพื่อให้เถาเลื้อยและผลห้อยลงมาได้สะดวก ช่วยให้ผลมีรูปทรงสวยงามและไม่สัมผัสดิน
- การเด็ดยอด เมื่อต้นบวบมีข้อประมาณ 7-8 ข้อ ควรเด็ดยอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นให้แตกแขนงและให้ผลผลิตมากขึ้น
- การผสมเกสร (หากจำเป็น) บวบงูมักจะออกดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกัน หากการติดผลไม่ดี อาจต้องช่วยผสมเกสรด้วยมือ โดยนำเกสรจากดอกตัวผู้ไปแตะที่เกสรของดอกตัวเมียในช่วงเช้า
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบๆ แปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
- การป้องกันและกำจัดโรคแมลง บวบงูอาจพบปัญหาโรคราน้ำค้าง โรคใบจุด และแมลง เช่น หนอนเจาะผล แมลงหวี่ขาว ควรสังเกตอาการและป้องกันกำจัดตามความเหมาะสม
-
การเก็บเกี่ยว บวบงูสั้นจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 60-80 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลดิบได้เมื่อผลมีขนาดตามต้องการ ผิวสีเขียวอ่อน และยังมีความอ่อนนุ่ม ควรเก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้ต้นออกดอกและติดผลต่อไป