เมล็ดพันธุ์ ขี้เหล็ก

30 ฿

  • จำนวน 50 เมล็ด
  • เมล็ด ช่วยขับพยาธิ
  • เปลือกต้น ช่วยสมานแผล แก้บิด
  • ใบและดอก มีรสขม ช่วยระบายท้อง บรรเทาอาการท้องผูก แก้ไข้ บำรุงน้ำดี
  • เนื้อไม้ของขี้เหล็กมีความแข็งแรง ทนทานต่อปลวก มอด จึงนิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน และเป็นเชื้อเพลิงได้ดี

เมล็ดพันธุ์ ขี้เหล็ก 50 เมล็ด

ขี้เหล็ก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia siamea Lamk) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วยครับ ลักษณะเด่นของขี้เหล็กคือ

  • ลำต้น ตรง เปลือกสีน้ำตาลอมเทา แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มค่อนข้างโปร่ง
  • ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่หรือรูปรี ปลายแหลม โคนมน ขอบเรียบ สีเขียวเข้ม
  • ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบ มีสีเหลืองสดใส กลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวผู้ 10 อัน
  • ฝัก เป็นฝักแบนยาว สีน้ำตาล เมื่อแก่จะแตกออก ภายในมีเมล็ดแบนรูปไข่จำนวนมาก

คุณสมบัติ

ขี้เหล็กมีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งในด้านโภชนาการและสรรพคุณทางยา

  • ทางโภชนาการ ยอดอ่อนและดอกของขี้เหล็กมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร วิตามิน (เช่น วิตามินเอ วิตามินซี) และแร่ธาตุ (เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก) ในปริมาณที่น่าสนใจ
  • สรรพคุณทางยา ส่วนต่างๆ ของขี้เหล็กถูกนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณอย่างหลากหลาย เช่น
    • ใบและดอก มีรสขม ช่วยระบายท้อง บรรเทาอาการท้องผูก แก้ไข้ บำรุงน้ำดี
    • เปลือกต้น ช่วยสมานแผล แก้บิด
    • เนื้อในฝัก เป็นยาระบายอ่อนๆ
    • เมล็ด ช่วยขับพยาธิ
    • คุณสมบัติอื่นๆ เนื้อไม้ของขี้เหล็กมีความแข็งแรง ทนทานต่อปลวก มอด จึงนิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน และเป็นเชื้อเพลิงได้ดี

ประโยชน์ของขี้เหล็ก

  1. เป็นอาหาร ยอดอ่อนและดอกขี้เหล็กเป็นที่นิยมนำมาปรุงอาหารหลากหลายชนิด เช่น แกงขี้เหล็ก ยำขี้เหล็ก ผัดขี้เหล็ก มีรสชาติขมเป็นเอกลักษณ์
  2. เป็นยา ตามที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนต่างๆ ของขี้เหล็กมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาอาการและรักษาโรคต่างๆ ได้
  3. ใช้ในงานไม้ เนื้อไม้ของขี้เหล็กมีคุณภาพดี เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในงานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือทางการเกษตร และอื่นๆ
  4. ให้ร่มเงา ด้วยทรงพุ่มที่แผ่กว้าง ขี้เหล็กจึงเป็นไม้ให้ร่มเงาที่ดี สามารถปลูกตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ หรือริมถนนได้
  5. ปรับปรุงดิน ใบขี้เหล็กที่ร่วงหล่นสามารถย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ช่วยบำรุงดินได้
  6. เป็นไม้ประดับ ดอกสีเหลืองสดใสของขี้เหล็กช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับสถานที่ต่างๆ ได้

วิธีการปลูก

การปลูกขี้เหล็กสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่นิยมคือการเพาะเมล็ดและการปักชำ

  1. การเพาะเมล็ด
    • เตรียมเมล็ด เลือกเมล็ดที่แก่จัด สมบูรณ์ นำมาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 6-12 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
    • เพาะกล้า เตรียมดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่ในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะ หยอดเมล็ดลงในดินลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม
    • ดูแลต้นกล้า รดน้ำสม่ำเสมอ ให้ได้รับแสงแดดเพียงพอ เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงปลูกในแปลงได้
    • เตรียมดินปลูก เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึง ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • ย้ายกล้า นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และหาไม้มาปักค้ำยันป้องกันลมโยก
  2. การปักชำ
    • เลือกกิ่ง เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร
    • เตรียมกิ่งชำ ตัดใบที่โคนกิ่งออก เหลือไว้เพียงส่วนยอดเล็กน้อย จุ่มโคนกิ่งในน้ำยาเร่งราก (ถ้ามี)
    • ปักชำ ปักกิ่งชำลงในดินร่วนผสมทรายหรือขุยมะพร้าว รดน้ำให้ชุ่ม นำไปไว้ในที่ร่มรำไร
    • ดูแลกิ่งชำ รดน้ำสม่ำเสมอ รักษาความชื้น เมื่อกิ่งชำเริ่มแตกใบใหม่และมีรากแข็งแรงดีแล้ว สามารถย้ายลงปลูกในแปลงได้
  3. การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรกที่ปลูก เมื่อต้นโตแล้วสามารถให้น้ำน้อยลงได้ แต่ควรรดน้ำในช่วงฤดูแล้ง
    • การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 2-3 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้แข็งแรงและเจริญเติบโตดี
    • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบๆ โคนต้นอย่างสม่ำเสมอ
    • การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้ง เป็นโรค หรือกิ่งที่แน่นทึบเกินไป เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและแสงแดดส่องถึง