เมล็ดพันธุ์ ยี่หร่า

30 ฿

  • จำนวน 1,000 เมล็ด
  • มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
  • ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
  • สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านจุลชีพอาจมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ยี่หร่าช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย

เมล็ดพันธุ์ ยี่หร่า 1,000 เมล็ด

ยี่หร่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cuminum cyminum) เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กชนิดหนึ่งในวงศ์ผักชี มีลำต้นสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเป็นเส้นฝอยเล็กๆ สีเขียวอ่อน ดอกมีสีชมพูหรือขาวขนาดเล็ก ออกเป็นช่อซี่ร่ม ผลมีขนาดเล็กรูปไข่ มีสันและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์คือ เมล็ด ซึ่งมีกลิ่นหอมอบอุ่น รสชาติเผ็ดเล็กน้อย ขมปลายๆ นิยมใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหารหลากหลายชนิดทั่วโลก โดยเฉพาะในอาหารอินเดีย ตะวันออกกลาง และเม็กซิโก นอกจากนี้ ใบอ่อนของยี่หร่าก็สามารถนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นในอาหารได้เช่นกัน แต่ไม่นิยมเท่าเมล็ด

คุณสมบัติ (ส่วนของเมล็ด)

  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)
    • เช่น cuminaldehyde, cymene, beta-pinene ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยในการย่อยอาหาร
  • ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
    • เช่น apigenin, luteolin ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • สารประกอบฟีนอลิก (Phenolic compounds)
    • มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • ใยอาหาร (Dietary fiber)
    • ช่วยในการขับถ่าย
  • ธาตุเหล็ก (Iron)
    • สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • แมงกานีส (Manganese)
    • มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของเอนไซม์และกระดูก

ประโยชน์ของยี่หร่า (ส่วนของเมล็ด)

  • ช่วยในการย่อยอาหาร
    • ยี่หร่าช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย
  • ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย
    • มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
    • มีงานวิจัยเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่ายี่หร่าอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
    • มีงานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่ายี่หร่าอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์
  • มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
    • ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
  • มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
    • ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • เป็นแหล่งของธาตุเหล็ก
    • ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
  • อาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    • สารต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ต้านจุลชีพอาจมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน
    • ยี่หร่าชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ควรไถพรวนดินให้ละเอียด และอาจผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  • การเพาะเมล็ด:
    • เพาะในกระถางเพาะ: หว่านเมล็ดบางๆ กลบดินเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่ม วางในที่ที่มีแสงแดดเต็มที่ เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้
    • หว่านลงแปลงโดยตรง: หว่านเมล็ดเป็นแถว โดยให้มีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้าโตขึ้นให้ถอนแยกให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร
  • การปลูก
    • ย้ายต้นกล้าที่เพาะไว้ลงในแปลงปลูก โดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 10-15 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร ควรรดน้ำทันทีหลังปลูก
  • การดูแล:
    • การรดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอในช่วงแรกของการปลูก เมื่อต้นโตขึ้น ควรรดน้ำเมื่อดินแห้ง หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไปเพราะอาจทำให้รากเน่า
    • การให้ปุ๋ย: โดยทั่วไปยี่หร่าไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินไม่ดี อาจให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเล็กน้อยในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นยี่หร่า
    • การพรวนดิน: พรวนดินเบาๆ เพื่อให้ดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี
  • การเก็บเกี่ยว:
    • เก็บเกี่ยวใบ: หากต้องการใช้ใบอ่อน สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 30-40 วัน โดยเด็ดใบตามต้องการ
    • เก็บเกี่ยวเมล็ด: เมื่อต้นยี่หร่าเริ่มมีดอกและดอกร่วงโรยจนกลายเป็นผล ผลจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้ง นั่นหมายถึงเมล็ดแก่พร้อมเก็บเกี่ยว ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าที่ไม่มีน้ำค้าง โดยตัดทั้งต้นหรือช่อดอกที่แห้ง นำมาตากแดดให้แห้งสนิท แล้วจึงทำการนวดเพื่อแยกเมล็ดออกมา เก็บรักษาเมล็ดในภาชนะที่แห้งและปิดสนิท