เมล็ดพันธุ์ ฝักยาวแดง 40 เมล็ด
ฝักยาวแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vigna unguiculata subsp. sesquipedalis) เป็นฝักยาวอีกสายพันธุ์หนึ่งที่อยู่ในตระกูลถั่ว ลักษณะเด่นที่สำคัญคือ สีของฝักที่เป็นสีแดงสดหรือสีม่วงแดง ตลอดทั้งฝัก หรืออาจมีสีเขียวแซมบ้างเล็กน้อย ทำให้เป็นที่น่าสนใจและนิยมปลูกเพื่อความสวยงามควบคู่ไปกับการบริโภค
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์อื่นๆ เช่น ลำต้นที่เป็นเถาเลื้อย ใบ ดอก และเมล็ด จะมีความคล้ายคลึงกับฝักยาวเขียวและฝักยาวลายเสือ
คุณสมบัติ
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- เป็นพืชล้มลุก อายุประมาณ 3-4 เดือน
- มีระบบรากแก้วและรากแขนง
- ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ต้องการค้างหรือร้าน
- ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ รูปไข่ ปลายแหลม
- ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ มีสีม่วงอ่อนหรือขาว
- ฝักยาว ทรงกระบอก ผิวเรียบ มีสีแดงสดหรือสีม่วงแดง อาจมีความยาวใกล้เคียงกับฝักยาวเขียว
- เมล็ดรูปไต ขนาดเล็ก สีต่างๆ กัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- คุณค่าทางโภชนาการ ฝักยาวแดงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับฝักยาวเขียวและฝักยาวลายเสือ โดยเป็นแหล่งของ:
- วิตามิน วิตามินซี, วิตามินเอ, วิตามินเค, วิตามินบีต่างๆ (เช่น โฟเลต)
- แร่ธาตุ โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, เหล็ก, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส
- ใยอาหาร ช่วยในระบบขับถ่าย
- โปรตีน แม้จะไม่สูงเท่าถั่วเมล็ดแห้ง แต่ก็มีโปรตีนในปริมาณที่น่าสนใจ
- สารต้านอนุมูลอิสระ สีแดงหรือม่วงแดงของฝักบ่งบอกถึงการมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง
- รสชาติและเนื้อสัมผัส
- รสชาติและเนื้อสัมผัสของฝักยาวแดงโดยทั่วไปจะคล้ายกับฝักยาวเขียว คือมีรสหวานเล็กน้อย กรอบ และเนื้อแน่น
ประโยชน์ของฝักยาวลายเสือ
- ด้านสุขภาพ
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย ใยอาหารสูงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
- บำรุงสายตา มีวิตามินเอ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีวิตามินซี
- บำรุงกระดูกและฟัน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
- บำรุงโลหิต มีธาตุเหล็ก
- สารต้านอนุมูลอิสระสูง สีแดงหรือม่วงแดงของฝักมีสารแอนโทไซยานินสูง ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และอาจมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง
- ด้านการเกษตร
- เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิต
- มีสีสันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามและบริโภค
- สามารถปลูกได้ในดินหลายชนิด
- ช่วยปรับปรุงดิน (เช่นเดียวกับถั่วชนิดอื่นๆ)
- ด้านอาหาร
- ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นเดียวกับฝักยาวเขียวและฝักยาวลายเสือ เช่น ผัด แกง ยำ ส้มตำ
- สีสันที่สดใสทำให้เมนูอาหารดูน่ารับประทานและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 5-7 วัน
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-1.5 เมตร เว้นทางเดิน
-
การเตรียมเมล็ด
- เลือกเมล็ดพันธุ์ฝักยาวแดงที่มีคุณภาพดีและให้สีสันสวยงามตามต้องการ
- แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วผึ่งลมให้หมาด
-
การปลูก
- หยอดเมล็ดโดยตรง หยอดเมล็ดลงในหลุมลึก 2-3 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม 30-50 ซม. ระยะห่างระหว่างแถว 60-80 ซม. หยอดหลุมละ 2-3 เมล็ด กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม
- เพาะกล้า (ไม่นิยมมากนัก) สามารถเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกได้เช่นเดียวกับฝักยาวชนิดอื่นๆ
-
การทำค้าง
- เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ให้ทำค้างหรือร้านเพื่อให้เถาเกาะยึด (เช่น ค้างไม้ไผ่ ค้างตาข่าย)
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงแรกและช่วงติดดอกออกฝัก
- การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสม โดยเน้นปุ๋ยไนโตรเจนในช่วงแรก และปุ๋ยฟอสฟอรัส-โพแทสเซียมในช่วงออกดอกติดฝัก
- การพรวนดินและกำจัดวัชพืช พรวนดินรอบโคนต้นและกำจัดวัชพืช
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค ดูแลและป้องกันเช่นเดียวกับฝักยาวชนิดอื่นๆ
-
การเก็บเกี่ยว
- เริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-60 วันหลังปลูก เมื่อฝักมีขนาดพอเหมาะและมีสีแดงสดหรือม่วงแดงที่สวยงาม ควรเก็บเกี่ยวสม่ำเสมอ
ข้อควรจำ
- เลือกเมล็ดพันธุ์ฝักยาวแดงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อให้ได้สีสันตามต้องการ
- การได้รับแสงแดดที่เพียงพออาจมีผลต่อความเข้มของสีแดงในฝัก
- การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและสีสันสวยงาม