เมล็ดพันธุ์ กะหล่ำปมม่วง 50 เมล็ด
กะหล่ำปมม่วง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica oleracea Gongylodes Group) เป็นผักในวงศ์ Brassicaceae เช่นเดียวกับกะหล่ำปลีและบรอกโคลี ส่วนที่เราบริโภคคือส่วนของลำต้นเหนือดินที่พองออกเป็นหัวกลมคล้ายปม มีสีม่วงสวยงามทั้งเปลือกนอกและเนื้อภายใน (บางสายพันธุ์อาจมีเนื้อสีขาว) มีรสชาติหวานกรอบเล็กน้อยคล้ายกะหล่ำปลีแต่มีความอ่อนกว่า กะหล่ำปมม่วงเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแบบสดและปรุงสุก
คุณสมบัติ
- อุดมไปด้วยวิตามินซี เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ สีม่วงของกะหล่ำปมมาจากสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
- มีแร่ธาตุ ประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมงกานีส
- มีวิตามินบี 6 มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือดแดง
- มีสารประกอบซัลเฟอร์ เช่นเดียวกับผักตระกูลกะหล่ำอื่นๆ ซึ่งอาจมีบทบาทในการป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด
ประโยชน์ของกะหล่ำปมม่วง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
- ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก
- ต้านอนุมูลอิสระ สารแอนโทไซยานินช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
- บำรุงสุขภาพกระดูก มีแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อความแข็งแรงของกระดูก
- อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง สารประกอบซัลเฟอร์และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ อาจมีบทบาทในการป้องกันการเกิดและเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
- ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก มีแคลอรี่ต่ำและมีใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนาน
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
- ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรียวัตถุสูง
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และกำจัดวัชพืชออกให้หมด
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราที่เหมาะสม
- ปรับค่า pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 6.0-7.5
-
การเพาะกล้า
- นิยมเพาะกล้าก่อนย้ายปลูก สามารถเพาะในกระบะเพาะหรือแปลงเพาะ
- หว่านเมล็ดให้มีระยะห่างพอสมควร กลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
- ดูแลต้นกล้าให้ได้รับแสงแดดและน้ำอย่างเพียงพอ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ต้นกล้าจะมีใบจริง 3-4 ใบ พร้อมย้ายปลูก
-
การย้ายปลูก
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่ารากของต้นกล้าเล็กน้อย
- นำต้นกล้าลงปลูก โดยให้ส่วนโคนต้นเหนือดินเล็กน้อย
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-45 เซนติเมตร
- กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
- การใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงในช่วงแรกของการเจริญเติบโตเพื่อส่งเสริมการสร้างลำต้นและใบ จากนั้นเมื่อเริ่มมีการสร้างปม สามารถให้ปุ๋ยที่มีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้นเล็กน้อย
- การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อเพิ่มอากาศในดินและกำจัดวัชพืช
- การป้องกันและกำจัดโรคและแมลง: กะหล่ำปมม่วงอาจถูกรบกวนจากหนอนใยผัก หนอนเจาะลำต้น และแมลงอื่นๆ ควรมีการตรวจสอบและป้องกันกำจัดอย่างสม่ำเสมอ
-
การเก็บเกี่ยว
- กะหล่ำปมม่วงจะใช้เวลาประมาณ 60-90 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศ
- สังเกตเมื่อปมมีขนาดตามต้องการ (ประมาณ 5-7 เซนติเมตร) และยังอ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
- ใช้มีดคมตัดที่โคนต้นเหนือดิน