เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศฟักทอง 30 เมล็ด
มะเขือเทศฟักทอง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon esculentum Mill) มีลักษณะเด่นคือ ผลมีสีส้มสดใส เมื่อสุกเต็มที่ รูปร่างและขนาดของผลอาจแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีทั้งที่เป็นทรงกลม ทรงรี หรือรูปไข่ ขนาดอาจเล็กเหมือนมะเขือเทศเชอร์รี หรือใหญ่เหมือนมะเขือเทศทั่วไป รสชาติโดยทั่วไปจะมีความหวานมากกว่ามะเขือเทศแดง และมีความเป็นกรดต่ำ
คุณสมบัติ
- ลักษณะ ผลมีลักษณะกลมแป้นคล้ายฟักทองขนาดเล็ก ผิวเรียบเป็นมัน มีสีส้มถึงแดงส้ม มีกลีบเลี้ยงขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ขั้วผล
- รสชาติ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อแน่น
- การเจริญเติบโต เป็นมะเขือเทศที่ปลูกง่าย โตไว ดูแลง่าย ให้ผลผลิตดี และสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อได้
ประโยชน์ของมะเขือเทศฟักทอง
มะเขือเทศโดยทั่วไปมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มะเขือเทศฟักทองก็เช่นกัน อุดมไปด้วย
- วิตามิน เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ผิวพรรณดี
- สารต้านอนุมูลอิสระ:เช่น เบต้าแคโรทีน และไลโคปีน ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด
- ใยอาหาร: ช่วยในระบบขับถ่าย
- นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
วิธีการปลูก
- การเพาะเมล็ด
- เตรียมดินเพาะกล้า หรือใช้ดินถุงสำเร็จรูป
- หยอดเมล็ดมะเขือเทศฟักทองลงในหลุมเพาะ กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
- เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงกระถาง หรือแปลงปลูก
- การเตรียมดิน
- ดินที่เหมาะสมควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี
- ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การปลูก
- ขุดหลุมให้มีขนาดพอเหมาะกับตุ้มดินของต้นกล้า
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น รดน้ำให้ชุ่ม
- หากปลูกหลายต้น ควรมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-70 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 80-100 เซนติเมตร
- การดูแล
- การให้น้ำ ควรรดน้ำสม่ำเสมอ เช้า-เย็น แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง
- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยเพิ่มเติมเมื่อต้นเริ่มออกดอกและติดผล
- การทำค้าง เมื่อต้นเริ่มโต ควรทำค้างเพื่อให้ต้นเลื้อยและรับน้ำหนักผลได้ดี
- การกำจัดวัชพืชและแมลง ดูแลไม่ให้มีวัชพืชและกำจัดแมลงศัตรูพืช
- การเก็บเกี่ยว
- มะเขือเทศฟักทองจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากย้ายปลูกประมาณ 60-90 วัน
- สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีส้มแดง และยังแน่นอยู่