เมล็ดพันธุ์ กะทกรก

30 ฿

  • จำนวน 50 เมล็ด
  • ผล มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ เป็นยาระบายอ่อน ๆ
  • ราก ใช้ต้มดื่มบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย
  • ใบ ใช้ตำพอกแผล ห้ามเลือด สมานแผล แก้ผื่นคัน

เมล็ดพันธุ์ กะทกรก 50 เมล็ด

กะทกรก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Passiflora foetida) เป็นไม้เลื้อยในวงศ์ Passifloraceae (วงศ์เดียวกับเสาวรส) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้และแพร่กระจายไปในเขตร้อนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย มีลักษณะเด่นคือมีมือเกาะสำหรับยึดเลื้อย ลำต้นเล็กเรียว ใบมีลักษณะเป็นแฉก 3 แฉก มีขนปกคลุม ดอกมีสีขาวหรือม่วงอ่อน มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ มีระบายเป็นเส้นฝอยสีม่วงสวยงาม ผลมีขนาดเล็ก กลม เมื่อสุกจะมีสีเหลืองหรือส้ม มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย

คุณสมบัติ

  • ไม้เลื้อย มีมือเกาะสำหรับยึดเลื้อยไปตามต้นไม้ รั้ว หรือโครงสร้างอื่น ๆ
  • เจริญเติบโตเร็ว เป็นไม้เลื้อยที่เจริญเติบโตได้ค่อนข้างเร็ว
  • ทนทาน สามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทนแล้งได้ดีพอสมควร
  • ดอกสวยงาม มีดอกสีขาวหรือม่วงอ่อน มีระบายเป็นเส้นฝอยสวยงาม
  • ผลรับประทานได้ ผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว สามารถนำมารับประทานได้
  • มีสรรพคุณทางยา ส่วนต่าง ๆ ของกะทกรกมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง

ประโยชน์ของกะทกรก

  • ใช้เป็นยา
    • ทั้งต้น ใช้ต้มดื่มแก้ไอ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ปวดเมื่อย
    • ใบ ใช้ตำพอกแผล ห้ามเลือด สมานแผล แก้ผื่นคัน
    • ราก ใช้ต้มดื่มบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย
    • ผล มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ เป็นยาระบายอ่อน ๆ
  • ใช้เป็นอาหาร ผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว รับประทานสด หรือนำไปทำน้ำผลไม้ แยม หรือขนมได้
  • ใช้เป็นไม้ประดับ ดอกที่มีสีสันสวยงามและมีระบายเป็นเส้นฝอย ทำให้กะทกรกเป็นไม้ประดับที่น่าสนใจ สามารถปลูกให้เลื้อยตามรั้วหรือซุ้ม
  • ใช้ควบคุมแมลง มีรายงานว่าสารสกัดจากกะทกรกบางชนิดมีฤทธิ์ในการไล่แมลง
  • ประโยชน์ทางนิเวศวิทยา เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าบางชนิด

วิธีการปลูก

กะทกรกเป็นพืชที่ปลูกและดูแลรักษาง่าย สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี

  1. การเตรียมดิน กะทกรกสามารถเจริญเติบโตได้ในดินหลายชนิด แต่ดินร่วนที่มีการระบายน้ำดีจะเหมาะสมที่สุด ควรไถพรวนดินเล็กน้อยและกำจัดวัชพืชออก
  2. การขยายพันธุ์
    • การเพาะเมล็ด เก็บเมล็ดจากผลสุกที่แห้ง นำมาเพาะในดินร่วน กลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้าแข็งแรงมีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก
    • การปักชำ เลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ปักชำลงในดินร่วนที่ชื้น รดน้ำสม่ำเสมอจนรากงอกและแตกใบใหม่
    • การตอนกิ่ง เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ ควั่นเปลือกออก ทาด้วยฮอร์โมนเร่งราก หุ้มด้วยขุยมะพร้าวชื้นและพลาสติก เมื่อรากงอกดีแล้วจึงตัดไปปลูก
  3. การปลูก
    • ระยะปลูก หากปลูกเพื่อให้เลื้อยคลุมพื้นที่ อาจปลูกห่างกันประมาณ 1-2 เมตร หากปลูกเป็นแถว ควรมีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 2-3 เมตร
    • การทำค้าง เนื่องจากเป็นไม้เลื้อย ควรทำค้างหรือหาโครงสร้างให้กะทกรกยึดเกาะ เช่น รั้ว ซุ้ม หรือตาข่าย
    • การปลูก ขุดหลุมให้มีขนาดพอเหมาะกับขนาดของต้นกล้า วางต้นกล้าลงในหลุม กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินรอบโคนต้นเบา ๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
  4. การให้น้ำ ในช่วงแรกของการปลูก ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ต้นกล้าตั้งตัวได้ หลังจากนั้นสามารถให้น้ำเมื่อดินแห้ง
  5. การให้ปุ๋ย โดยทั่วไปกะทกรกไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินไม่ดีอาจให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
  6. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ
  7. การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้งหรือรกเกินไป เพื่อให้ต้นโปร่งและมีการระบายอากาศที่ดี