เมล็ดพันธุ์ มะละกอพื้นบ้าน

30 ฿

  • จำนวน 50 เมล็ด
  • เป็นพืชที่ดูแลง่าย ลงทุนน้อย และให้ผลผลิตต่อเนื่อง
  • สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด หรือแปรรูปเป็นน้ำมะละกอ
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง
  • ไฟเบอร์สูง ช่วยในระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้

เมล็ดพันธุ์ มะละกอพื้นบ้าน 50 เมล็ด

มะละกอพื้นบ้าน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นสายพันธุ์มะละกอที่มีการปลูกกันมาอย่างยาวนานในประเทศไทย มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากมะละกอพันธุ์พาณิชย์ เช่น แขกดำ แขกนวล หรือฮอลแลนด์ มะละกอพื้นบ้านมักมีลักษณะต้นสูง แข็งแรง ทนทานต่อโรค และให้ผลผลิตต่อเนื่อง นิยมใช้ทั้งในรูปแบบผลดิบและผลสุก

คุณสมบัติ

  • ต้นสูงและแข็งแรง: บางต้นอาจสูงถึง 3-4 เมตร

  • ใบใหญ่และหนา: ช่วยในการสังเคราะห์แสงและลดการคายน้ำ

  • ทนต่อโรคและแมลง: มีความต้านทานโรคไวรัสจุดวงแหวนและเพลี้ยแป้งได้ดี

  • ผลขนาดกลางถึงใหญ่: น้ำหนักเฉลี่ย 1-2 กิโลกรัม

  • เนื้อแน่นและกรอบเมื่อดิบ: เหมาะสำหรับทำส้มตำและแกง

  • รสชาติหวานหอมเมื่อสุก: มีความหวานประมาณ 10-12 องศาบริกซ์

ประโยชน์ของมะละกอพื้นบ้าน

1. ด้านอาหาร

  • ผลดิบ: ใช้ทำส้มตำ ผัด ต้ม แกง เช่น ตำไทย ตำลาว หรือแกงส้ม

  • ผลสุก: สามารถรับประทานเป็นผลไม้สด หรือแปรรูปเป็นน้ำมะละกอ

  • ใบมะละกอ: ใช้ประกอบอาหาร เช่น นำมาต้มหรือหั่นฝอยใส่แกง

2. ด้านสุขภาพ

  • เอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยอาหารและลดอาการท้องอืด

  • วิตามิน A และ C สูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสายตา

  • ไฟเบอร์สูง ช่วยในระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้

  • สารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง

3. ด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ

  • เป็นพืชที่ดูแลง่าย ลงทุนน้อย และให้ผลผลิตต่อเนื่อง

  • สามารถปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือนหรือจำหน่ายในตลาดท้องถิ่น

  • ใช้เป็นพืชแซมในสวนผลไม้หรือเกษตรผสมผสาน

วิธีการปลูก

1. การเตรียมดินและสถานที่ปลูก

  • ควรปลูกในดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี

  • ค่า pH ของดินควรอยู่ที่ 5.5-6.5

  • ควรปลูกในที่โล่งแจ้งที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน

2. วิธีการปลูก

  • เพาะเมล็ด: แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 24 ชั่วโมงก่อนเพาะในถุงเพาะชำ รอให้กล้าแข็งแรงประมาณ 1 เดือนก่อนย้ายปลูก

  • ปลูกลงดิน: เว้นระยะห่าง 2-3 เมตรต่อต้น เพื่อให้ต้นเติบโตได้ดี

  • รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน

3. การดูแลรักษา

  • รดน้ำ: รดน้ำวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้าหรือเย็น

  • ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกทุก 2 สัปดาห์ เสริมปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อกระตุ้นการออกผล

  • ตัดแต่งกิ่ง: เพื่อลดการเกิดโรคและช่วยให้ต้นแข็งแรง

  • ป้องกันโรคและแมลง: ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงหรือใช้สารชีวภาพ