เมล็ดพันธุ์ พริกตุ้ม

30 ฿

  • จำนวน 15 เมล็ด
  • ใช้ตกแต่งอาหารด้วยรูปทรงและสีสันที่สวยงาม ทำให้พริกตุ้มเป็นที่นิยมในการนำมาตกแต่งจานอาหาร
  • ใช้ในการแปรรูปนิยมนำมาดอง บรรจุกระป๋อง หรือทำเป็นพริกหวานแช่อิ่ม
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุมีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin)แม้จะมีปริมาณไม่มากเท่าพริกเผ็ด แต่ก็ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและอาจมีประโยชน์อื่นๆ ต่อสุขภาพ

เมล็ดพันธุ์ พริกตุ้ม 15 เมล็ด

พริกตุ้ม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) มีลักษณะเด่นคือ ผลมีขนาดเล็ก กลมแป้นคล้ายลูกตุ้ม หรือคล้ายผลเชอร์รีขนาดใหญ่ ผิวเรียบเป็นมัน เมื่อสุกจะมีสีแดงสด แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่มีสีเหลืองหรือส้ม รสชาติมีความเผ็ดเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีเนื้อค่อนข้างหนา พริกตุ้มเป็นที่นิยมในการนำมาแปรรูป บรรจุกระป๋อง หรือใช้ตกแต่งอาหาร

คุณสมบัติ

  • ลักษณะผล
    • ขนาดเล็ก กลมแป้น คล้ายลูกตุ้มหรือผลเชอร์รีขนาดใหญ่
  • สีของผล
    • เปลี่ยนแปลงตามระยะการเจริญเติบโต จากเขียวเป็นเหลือง ส้ม และแดงสดเมื่อสุก
  • รสชาติ
    • เผ็ดเล็กน้อยถึงปานกลาง บางสายพันธุ์อาจมีรสหวานเล็กน้อย
  • เนื้อสัมผัส
    • เนื้อหนา ฉ่ำน้ำ
  • ลำต้น
    • เป็นพุ่มขนาดกลาง สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร
  • การเจริญเติบโต
    • เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่น ต้องการแสงแดดจัด และดินร่วนระบายน้ำได้ดี
  • ความหลากหลาย
    • มีหลายสายพันธุ์ย่อยที่มีขนาด รูปร่าง และระดับความเผ็ดแตกต่างกันไป

ประโยชน์ของพริกตุ้ม

  • ใช้ประกอบอาหาร
    • สามารถรับประทานสดในสลัด หรือนำไปยัดไส้ ทอด ผัด หรือเป็นส่วนประกอบในพิซซ่าและอาหารอื่นๆ
  • ใช้ในการแปรรูป
    • นิยมนำมาดอง บรรจุกระป๋อง หรือทำเป็นพริกหวานแช่อิ่ม
  • ใช้ตกแต่งอาหาร
    • ด้วยรูปทรงและสีสันที่สวยงาม ทำให้พริกตุ้มเป็นที่นิยมในการนำมาตกแต่งจานอาหาร
  • แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
    • มีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีสารแคปไซซิน (Capsaicin)
    • แม้จะมีปริมาณไม่มากเท่าพริกเผ็ด แต่ก็ยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและอาจมีประโยชน์อื่นๆ ต่อสุขภาพ

วิธีการปลูก

  • การเตรียมเมล็ด: สามารถใช้เมล็ดพันธุ์พริกตุ้มที่ซื้อมา
  • การเพาะกล้า:
    • เพาะเมล็ดในวัสดุเพาะ เช่น ดินเพาะกล้าสำเร็จรูป หรือพีทมอส
    • กลบเมล็ดบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ร่มรำไรที่มีอากาศถ่ายเท
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 3-4 คู่ และลำต้นแข็งแรง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร สามารถย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกได้
  • การเตรียมดินและแปลงปลูก:
    • เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง pH ประมาณ 6.0-6.8
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
    • หากปลูกในกระถาง ควรเลือกกระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 20-30 เซนติเมตร
  • การย้ายกล้า:
    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบาๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 45-60 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 60-90 เซนติเมตร
  • การดูแลรักษา:
    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยังเล็ก ช่วงออกดอก และติดผล ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรงเพื่อลดความเสี่ยงของโรค
    • การใส่ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน โดยเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงติดผล เพื่อช่วยให้ผลมีขนาดใหญ่และมีสีสันดี อาจให้ปุ๋ยน้ำสัปดาห์ละครั้ง
    • การค้ำยัน: เมื่อต้นเริ่มมีผลดก อาจจำเป็นต้องทำไม้ค้ำยันเพื่อป้องกันกิ่งหัก
    • การเด็ดยอด: เมื่อต้นสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร อาจเด็ดยอดเพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งด้านข้าง
    • การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นพริก
    • การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช: พริกตุ้มอาจถูกรบกวนโดยแมลงและโรคต่างๆ ควรตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
  • การเก็บเกี่ยว: พริกตุ้มสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีสันตามสายพันธุ์และเริ่มแข็งแรง โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 60-80 วันหลังย้ายกล้า