เมล็ดพันธุ์ แตงโมพื้นบ้าน 40 เมล็ด
แตงโมพื้นบ้าน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Citrullus lanatus) โดยทั่วไปหมายถึง แตงโมสายพันธุ์ดั้งเดิม ที่มีการปลูกและสืบทอดกันมาในท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นเวลานาน โดยอาจมีความแตกต่างด้านรูปร่าง ขนาด สีผิว สีเนื้อ รสชาติ และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในแต่ละภูมิภาค ซึ่งแตกต่างจากแตงโมลูกผสมหรือสายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อการค้าในปัจจุบัน แตงโมพื้นบ้านมีความหลากหลายสูง อาจมีทั้งผลกลม รี หรือยาว ผิวสีเขียวอ่อน เขียวเข้ม มีลายแถบ หรือไม่มีลาย เนื้อมีสีแดง ชมพู เหลือง หรือขาว รสชาติมีทั้งหวานมาก หวานอมเปรี้ยว หรือจืด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แตงโมพื้นบ้านมีความสำคัญในด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งพันธุกรรมที่มีคุณค่า และอาจมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมหรือโรคบางชนิดได้ดีกว่า
คุณสมบัติ
- ความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง
- มีลักษณะปรากฏและคุณสมบัติที่แตกต่างกันมากระหว่างสายพันธุ์
- ปรับตัวเข้ากับสภาพท้องถิ่นได้ดี
- มักมีความทนทานต่อสภาพอากาศ ดิน หรือโรคและแมลงในพื้นที่นั้น ๆ
- รสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
- บางสายพันธุ์มีรสชาติหรือเนื้อสัมผัสที่โดดเด่น แตกต่างจากแตงโมการค้า
- คุณค่าทางโภชนาการ
- มีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับแตงโมทั่วไป แต่ปริมาณอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์
- อาจมีขนาดและรูปทรงที่ไม่สม่ำเสมอ
- แตกต่างจากแตงโมการค้าที่มักมีขนาดและรูปทรงที่ถูกคัดเลือกมาให้สม่ำเสมอ
ประโยชน์ของแตงโมพื้นบ้าน
- บริโภคเป็นอาหาร
- เป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานชื่นใจ รับประทานสดเพื่อดับกระหายคลายร้อน หรือนำไปทำน้ำแตงโม
- แหล่งวิตามินและแร่ธาตุ
- มีวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ใยอาหาร
- ช่วยในระบบขับถ่ายและป้องกันอาการท้องผูก
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- มีสารไลโคปีนและสารอื่น ๆ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
- การปลูกและบริโภคแตงโมพื้นบ้านช่วยรักษาและส่งเสริมความหลากหลายของสายพันธุ์แตงโม
- สร้างรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย
- เป็นพืชที่สามารถปลูกเพื่อจำหน่ายในท้องตลาด หรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
- ใช้ประโยชน์ตามภูมิปัญญา
- บางท้องถิ่นอาจมีการใช้ส่วนต่าง ๆ ของแตงโมพื้นบ้านในด้านสมุนไพร
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึง
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
-
การเพาะเมล็ดหรือหยอดเมล็ด
- เพาะกล้า: แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 4-6 ชั่วโมง แล้วเพาะในถาดเพาะ เมื่อมีใบจริง 2-3 ใบจึงย้ายลงแปลง
- หยอดเมล็ดโดยตรง: หยอด 2-3 เมล็ดต่อหลุม ระยะห่างระหว่างหลุมและแถวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ (โดยทั่วไป 1-2 เมตร)
-
การปลูก
- ขุดหลุมปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น รดน้ำให้ชุ่ม
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงแรกและช่วงติดผล
- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยสูตรเสมอในช่วงแรก และปุ๋ยโพแทสเซียมสูงเมื่อเริ่มติดผล
- การทำค้าง (บางสายพันธุ์) หากเป็นสายพันธุ์ที่มีเถาเลื้อยยาว ควรทำค้าง
- การกำจัดวัชพืชและป้องกันโรคแมลง ดูแลแปลงอย่างสม่ำเสมอ
-
การเก็บเกี่ยว
- ระยะเวลาเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ สังเกตผลแก่ เช่น ขั้วผลแห้ง เคาะมีเสียงทึบ