เมล็ดพันธุ์ แตงกวาญี่ปุ่น 15 เมล็ด
แตงกวาญี่ปุ่น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucumis sativus) โดยทั่วไปหมายถึงแตงกวาที่มีลักษณะเรียวยาว ผิวสีเขียวเข้ม มีหนามเล็กๆ น้อยมากหรือไม่มีเลย เนื้อแน่น มีเมล็ดน้อย และมีรสชาติหวานกรอบ มักมีขนาดประมาณ 15-20 เซนติเมตร หรืออาจยาวกว่านั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แตงกวาญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในการรับประทานสด ทำสลัด หรือนำไปดอง มีหลายสายพันธุ์ที่นิยมปลูก เช่น “ไอจิไวลด์” (Aichi Wild), “ซัทซึกิ” (Satsuki), และ “ชินคิวริ” (Shin-kyuri)
คุณสมบัติ
- ลักษณะ
- ผลเรียวยาว ผิวสีเขียวเข้ม เรียบหรือมีหนามเล็กน้อย เนื้อแน่น มีเมล็ดน้อย
- รสชาติ
- หวาน กรอบ ชุ่มน้ำ มีรสขมน้อยมากหรือไม่มีเลย
- กลิ่น
- มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น
- เนื้อสัมผัส
- กรอบ แน่น ไม่เละง่าย
- ขนาด
- โดยทั่วไปยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร หรืออาจยาวกว่านั้น
ประโยชน์ของแตงกวาญี่ปุ่น
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย
- มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ช่วยดับกระหายและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย
- มีแคลอรี่ต่ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- มีใยอาหาร
- ช่วยในการขับถ่ายและส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
- มีวิตามินและแร่ธาตุ
- มีวิตามินเค, วิตามินซี, โพแทสเซียม, และแมกนีเซียมในปริมาณที่พอสมควร
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
- ช่วยลดความดันโลหิต
- โพแทสเซียมในแตงกวาอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ
- น้ำและวิตามินในแตงกวาช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสดใส
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- เลือกดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินให้ละเอียด และผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การเพาะเมล็ด สามารถเพาะเมล็ดโดยตรงลงในแปลง หรือเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกก็ได้
- เพาะกล้า หยอดเมล็ดในถาดเพาะ กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลง
- หว่านโดยตรง หยอดเมล็ดลงในหลุมที่เตรียมไว้ กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
- การทำค้าง
- แตงกวาญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นไม้เลื้อย ควรทำค้างเพื่อให้ลำต้นเลื้อยเกาะ ค้างอาจทำจากไม้ไผ่ ตาข่าย หรือเชือก
- การปลูก
- ระยะปลูก ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-70 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1-1.5 เมตร
- การย้ายกล้า ขุดหลุมให้มีขนาดพอเหมาะ วางต้นกล้าลงไป กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
- การให้น้ำ
- แตงกวาต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดผล ควรรดน้ำทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละครั้ง
- แสงแดด
- แตงกวาญี่ปุ่นชอบแสงแดดเต็มที่ ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- การให้ปุ๋ย
- ให้ปุ๋ยบำรุงในช่วงต่างๆ ของการเจริญเติบโต เช่น ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงในช่วงแรก และปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงในช่วงออกดอกและติดผล อาจใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีตามความเหมาะสม
- การดูแลรักษา
- การเด็ดยอด เมื่อต้นมีใบจริงประมาณ 5-7 ใบ ให้เด็ดยอด เพื่อกระตุ้นให้แตกแขนง
- การตัดแต่งแขนง ตัดแขนงที่อยู่โคนต้นออก เพื่อให้ลมถ่ายเทได้สะดวก ลดความเสี่ยงของโรค
- การผสมเกสร หากปลูกในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแมลงช่วยผสมเกสร อาจต้องช่วยผสมเกสรด้วยมือ
- การป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและโรค
- สังเกตการเข้าทำลายของแมลงและโรคต่างๆ หากพบปัญหาให้รีบแก้ไขด้วยวิธีธรรมชาติ หรือใช้สารเคมีที่ปลอดภัย
- การเก็บเกี่ยว
- แตงกวาญี่ปุ่นสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีขนาดตามต้องการ โดยทั่วไปจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 50-60 วันหลังปลูก ควรเก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้ต้นออกผลผลิตอย่างต่อเนื่อง