เมล็ดพันธุ์ อิตาเลี่ยนเบซิล

30 ฿

  • จำนวน 12 เมล็ด
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  • ในทางสมุนไพร มีการใช้อิตาเลี่ยนเบซิลเพื่อช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้สงบ
  • เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย
  • สามารถนำไปใช้แต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สบู่ โลชั่น

เมล็ดพันธุ์ อิตาเลี่ยนเบซิล 100 เมล็ด

อิตาเลี่ยนเบซิล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum basilicum) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sweet Basil เป็นเบซิลชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเด่นคือ ใบมีขนาดใหญ่กว่าเบซิลชนิดอื่น ๆ มีสีเขียวเข้ม รูปทรงคล้ายช้อน และมีกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่คุ้นเคยในอาหารอิตาเลียนหลายชนิด เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม มีขนอ่อนปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปไข่หรือคล้ายช้อน ขอบใบเรียบหรือหยักเล็กน้อย ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีสีขาวหรือชมพูอ่อน เป็นสมุนไพรหลักที่ใช้ในอาหารอิตาเลียน เช่น พาสต้า พิซซ่า ซอสเพสโต้ และสลัดคาเปรเซ่

คุณสมบัติ

  • ลักษณะภายนอกโดดเด่น ใบมีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม รูปทรงคล้ายช้อน
  • กลิ่นหอมหวาน มีกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากเบซิลชนิดอื่น ๆ ที่อาจมีกลิ่นฉุนหรือเผ็ดร้อนกว่า
  • รสชาติ มีรสชาติหวานเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมที่ซับซ้อน
  • คุณค่าทางโภชนาการ มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเค วิตามินเอ วิตามินซี แมงกานีส และทองแดง รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับใช้ปรุงอาหารสด ทำซอส หรืออบแห้ง

ประโยชน์ของอิตาเลี่ยนเบซิล

  1. ใช้ปรุงอาหาร เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารอิตาเลียน ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติให้กับเมนูต่าง ๆ
  2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  3. มีคุณสมบัติทางยา ในทางสมุนไพร มีการใช้อิตาเลี่ยนเบซิลเพื่อช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้สงบ
  4. เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย
  5. ใช้แต่งกลิ่น สามารถนำไปใช้แต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สบู่ โลชั่น
  6. ไล่แมลง กลิ่นหอมของเบซิลสามารถช่วยไล่แมลงบางชนิดได้

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
  2. การเพาะเมล็ด

    • หว่านเมล็ดเบซิลลงในถาดเพาะกล้า หรือกระถางเพาะ โดยโรยเมล็ดบาง ๆ กลบด้วยดินเล็กน้อย
    • รดน้ำให้ชุ่ม และวางในที่ที่มีแสงรำไร
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ (ประมาณ 3-4 สัปดาห์) สามารถย้ายลงกระถางใหญ่ หรือแปลงปลูกได้
  3. การปักชำ

    • เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ตัดใต้ข้อ
    • เด็ดใบล่างออก เหลือใบบนประมาณ 2-3 คู่
    • ปักกิ่งลงในดินร่วนที่ชุ่มชื้น หรือในน้ำสะอาด
    • หากปักในน้ำ รอจนรากงอกประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วจึงย้ายลงดิน
  4. การปลูกลงแปลงหรือกระถาง

    • ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่ารากเล็กน้อย
    • วางต้นกล้าลงในหลุม กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบา ๆ
    • รดน้ำให้ชุ่ม
    • หากปลูกหลายต้น ควรมีระยะห่างประมาณ 20-30 เซนติเมตร
  5. การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ ควรรดที่โคนต้น หลีกเลี่ยงการรดบนใบโดยตรง เพื่อป้องกันโรครา
    • การให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์บ้าง เดือนละครั้ง เพื่อบำรุงต้น
    • การตัดยอด: เด็ดยอดอ่อนออกเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งด้านข้าง ทำให้ได้ใบมากขึ้น และชะลอการออกดอก หากปล่อยให้ออกดอก ใบจะมีขนาดเล็กลงและกลิ่นหอมลดลง
    • การกำจัดวัชพืช: ถอนวัชพืชที่ขึ้นรอบ ๆ ต้นเบซิล
    • การป้องกันโรคและแมลง: ตรวจสอบต้นเบซิลอย่างสม่ำเสมอ หากพบโรคหรือแมลงให้รีบกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติ
  6. การเก็บเกี่ยว

    • สามารถเก็บเกี่ยวใบเบซิลได้เมื่อต้นมีขนาดพอสมควร โดยเด็ดจากส่วนยอดลงมา
    • ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหลังน้ำค้างแห้ง จะทำให้ได้ใบที่มีกลิ่นหอมมากที่สุด