เมล็ดพันธุ์ ฟักทองน้ำผึ้ง 12 เมล็ด
ฟักทองน้ำผึ้ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucurbita moschata) เป็นชื่อเรียกของฟักทองพันธุ์หนึ่ง ที่มีลักษณะเด่นคือ เนื้อมีสีเหลืองเข้มจัดคล้ายสีของน้ำผึ้ง และมีรสชาติหวานมันอร่อย จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ บางครั้งอาจมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่น เป็นไม้เถาเลื้อย มีมือเกาะ ใบเดี่ยวขนาดใหญ่รูปไตหรือคล้ายรูปหัวใจ มีขนอ่อน ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีเหลือง ผลมีรูปร่างกลมแป้น กลม หรือเป็นพูเล็กน้อย เปลือกมีสีเขียวเข้ม เขียวอ่อน หรือสีน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบหรือมีร่องตื้น ๆ เนื้อมีสีเหลืองเข้มถึงส้ม รสชาติหวานมัน มีเมล็ดแบนรีสีขาวครีม มีความโดดเด่นที่สีเนื้อที่เหลืองเข้มและรสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์
คุณสมบัติ
- ลักษณะภายนอก
- ผลมีรูปร่างกลมแป้น กลม หรือเป็นพูเล็กน้อย เปลือกมีสีเขียวเข้ม เขียวอ่อน หรือน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบหรือมีร่องตื้น ๆ
- รสชาติหวานมัน
- เนื้อมีรสชาติหวานอร่อยคล้ายน้ำผึ้ง และมีความมัน
- เนื้อสัมผัส
- เนื้อมีความเหนียวแน่น เมื่อสุกจะนุ่ม
- สีเนื้อ
- มีสีเหลืองเข้มจัดคล้ายสีน้ำผึ้ง
- คุณค่าทางโภชนาการสูง
- อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ (โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีน) วิตามินซี วิตามินอี โพแทสเซียม และใยอาหาร
- เก็บรักษาได้นาน
- เนื้อแน่นทำให้สามารถเก็บรักษาได้นาน
ประโยชน์ของฟักทองน้ำผึ้ง
- บริโภคเป็นอาหาร
- เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งคาวและหวาน เช่น แกง ผัด นึ่ง ต้ม ฟักทองผัดไข่ ฟักทองแกงบวด สังขยาฟักทอง ขนมเค้กฟักทอง
- แหล่งเบต้าแคโรทีนสูง
- ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- ใยอาหารสูง
- ช่วยในระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- เป็นแหล่งวิตามินซี
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- มีโพแทสเซียมสูง
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต
- เมล็ดฟักทอง
- สามารถนำไปอบหรือคั่วรับประทานเป็นของว่าง มีโปรตีนและไขมันดี
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลง
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2-3 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ
-
การเพาะกล้า (แนะนำเพื่อการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอ)
- แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- เพาะในถาดเพาะกล้าด้วยวัสดุเพาะ เช่น พีทมอส หรือดินผสม
- รดน้ำให้ชุ่ม เก็บไว้ในที่ร่มรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ (ประมาณ 15-20 วัน) จึงย้ายลงแปลงปลูก
-
การปลูก (สามารถหยอดเมล็ดลงแปลงโดยตรงได้)
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดประมาณ 50x50x50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมและระหว่างแถวประมาณ 1.5-2 เมตร
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดโคนต้น กดดินเบา ๆ แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
- หากหยอดเมล็ดโดยตรง ให้หยอด 2-3 เมล็ดต่อหลุม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนแยกเหลือหลุมละ 1-2 ต้น
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ช่วงออกดอก และติดผล รักษาระดับความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
- การให้ปุ๋ย ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต และเมื่อเริ่มติดผลให้ปุ๋ยสูตรที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้น (เช่น 12-24-12 หรือ 13-13-21) เพื่อส่งเสริมการออกดอกและติดผล
- การทำค้าง (สำหรับบางพื้นที่ที่มีพื้นที่จำกัด หรือต้องการให้ผลสะอาด) สามารถทำค้างเพื่อให้เถาเลื้อย
- การกำจัดวัชพืช กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
- การป้องกันและกำจัดโรคแมลง หมั่นตรวจแปลงปลูก หากพบโรคหรือแมลงให้รีบทำการป้องกันและกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
-
การเก็บเกี่ยว
- ฟักทองน้ำผึ้งจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 90-120 วัน หลังหยอดเมล็ด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศ
- สังเกตลักษณะผลที่แก่จัด เช่น เปลือกแข็ง สีผิวเข้มขึ้น ก้านผลแห้งและแข็ง