ต้นกะเพรา ปลูกด้วยเมล็ด โดยชีวิต ชีวา ฟาร์ม
คุณสมบัติ
- ลำต้น เป็นพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 30-75 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยม มีขนปกคลุมเล็กน้อย
- ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ลักษณะใบเป็นรูปไข่ ขอบใบหยักมน มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
- ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวอมชมพูหรือม่วงอ่อน
- เมล็ด มีขนาดเล็ก สีดำ
ประโยชน์ของกะเพรา
- ทางด้านอาหาร เป็นส่วนประกอบสำคัญในเมนูอาหารไทยหลากหลายชนิด เช่น ผัดกะเพรา แกงป่า ไก่ผัดใบกะเพรา ช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมน่ารับประทาน
- ทางยาและสมุนไพร กะเพรามีสรรพคุณทางยาที่ได้รับการยอมรับมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น:
- ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำมันหอมระเหยในกะเพรามีฤทธิ์ช่วยขับลม
- บรรเทาอาการหวัด ไอ เจ็บคอ ช่วยลดอาการอักเสบและขับเสมหะ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีงานวิจัยบางส่วนที่บ่งชี้ว่ากะเพราอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยลดความเครียดและวิตกกังวล กลิ่นหอมของกะเพรามีฤทธิ์ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ประโยชน์อื่น ๆ
- ไล่แมลง กลิ่นของกะเพราสามารถช่วยไล่ยุงและแมลงบางชนิดได้
- ใช้ในพิธีกรรม ในบางวัฒนธรรมมีการนำกะเพรามาใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ
การดูแลต้นกะเพรา
การดูแลต้นกะเพรานั้นไม่ยุ่งยาก สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงดิน มีวิธีการดูแลดังนี้
- แสงแดด กะเพราชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ดิน ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง หากปลูกในกระถางควรเลือกดินปลูกที่มีคุณภาพดี
- น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยรดเมื่อดินเริ่มแห้ง ไม่ควรรดน้ำมากจนดินแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่าได้
- ปุ๋ย สามารถให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเดือนละครั้ง เพื่อบำรุงให้ต้นกะเพราเจริญเติบโตได้ดี
- การตัดแต่ง ควรตัดแต่งกิ่งและเด็ดยอดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งใหม่และมีใบมากขึ้น การตัดดอกที่เริ่มแก่จะช่วยให้ต้นกะเพราไม่โทรมและให้ผลผลิตใบได้นานขึ้น
- การป้องกันโรคและแมลง กะเพราค่อนข้างทนทานต่อโรคและแมลง แต่ก็อาจพบปัญหาบ้าง เช่น เพลี้ย หนอน ควรดูแลไม่ให้มีแมลงรบกวนมากนัก หากพบปัญหาอาจใช้สารชีวภัณฑ์ในการกำจัด