เมล็ดพันธุ์ กะเพราขาว 1,000 เมล็ด
กะเพราขาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum tenuiflorum.) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งในวงศ์เดียวกันกับโหระพาและแมงลัก เป็นกะเพราที่มีลำต้น กิ่งก้าน และใบเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีขาวอมเขียว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ค่อนข้างฉุนกว่ากะเพราแดงเล็กน้อย และมีรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย กะเพราขาวเป็นสมุนไพรที่มีความสำคัญในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทย นิยมนำใบกะเพราขาวมาปรุงอาหารหลากหลายชนิด เช่น ผัดกะเพรา แกงป่า และยังใช้เป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณอีกด้วย
คุณสมบัติ
- น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)
- เช่น eugenol, methyl eugenol, caryophyllene ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านอนุมูลอิสระ
- ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
- เช่น orientin และ vicenin ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- แทนนิน (Tannins)
- มีฤทธิ์ฝาดสมาน
- ซาโปนิน (Saponins)
- อาจมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดและไขมัน
ประโยชน์ของกะเพราขาว
- ช่วยบรรเทาอาการหวัดและไข้
- น้ำมันหอมระเหยในกะเพราขาวช่วยลดอาการคัดจมูก ไอ และเจ็บคอ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- มีงานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่ากะเพราขาวอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
- ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล
- กะเพราขาวมีคุณสมบัติเป็น adaptogen ซึ่งช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับความเครียดได้ดีขึ้น
- ช่วยต้านการอักเสบ
- สารประกอบในกะเพราขาวมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- สารฟลาโวนอยด์ในกะเพราขาวช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- สารสำคัญในกะเพราขาวอาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
- กะเพราขาวมีฤทธิ์ขับลม ช่วยบรรเทาอาการไม่สบายท้อง
- อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
- มีงานวิจัยในหลอดทดลองที่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากกะเพราขาวอาจมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- กะเพราขาวชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ควรไถพรวนดินให้ละเอียด และผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การเพาะเมล็ด
- สามารถเพาะเมล็ดในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะก่อนได้ โดยหว่านเมล็ดบางๆ กลบดินเล็กน้อย รดน้ำให้ชุ่ม วางในที่ที่มีแสงแดดรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงแปลงปลูกหรือกระถางได้
- การปักชำ
- อีกวิธีที่นิยมคือการปักชำกิ่ง โดยเลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร เด็ดใบล่างออก ปักลงในดินร่วนที่ชุ่มชื้น รดน้ำสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 สัปดาห์กิ่งจะเริ่มแตกราก
- การปลูก
- ย้ายต้นกล้าหรือกิ่งชำลงในแปลงปลูกหรือกระถาง โดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 50-60 เซนติเมตร
- การดูแล:
- การรดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก และในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น
- การให้ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกประมาณเดือนละครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้เจริญเติบโตดี
- การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชรอบๆ ต้นกะเพรา เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำ
- การตัดแต่ง: เมื่อกะเพราเริ่มมีดอก ควรเด็ดยอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งก้านและมีใบมากขึ้น
- การเก็บเกี่ยว
- สามารถเก็บเกี่ยวใบกะเพราได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 2-3 เดือน โดยเด็ดเฉพาะใบ หรือตัดทั้งกิ่งก็ได้ ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าที่มีแดดอ่อนๆ เพื่อให้ได้ใบที่มีคุณภาพและมีกลิ่นหอม