เมล็ดพันธุ์ ใบงาเกาหลีเขียว 100 เมล็ด
ใบงาเกาหลีเขียว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Perilla frutescens var. crispa) หรือที่เรียกว่า “Kkaennip” (깻잎) ในภาษาเกาหลี เป็นพืชสมุนไพรและผักชนิดหนึ่ง มีลักษณะเด่นคือใบสีเขียวสด ขนาดปานกลางถึงใหญ่ ขอบใบหยิกเป็นคลื่นเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายใบสะระแหน่ผสมกับงาอ่อน ๆ เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารเกาหลีหลากหลายชนิด นิยมรับประทานสด ๆ ห่อกับเนื้อย่าง ใช้เป็นผักเคียง หรือนำไปดอง
คุณสมบัติ
- สีเขียวสด ใบมีสีเขียวสดใส น่ารับประทาน
- กลิ่นหอมเฉพาะตัว มีกลิ่นหอมคล้ายใบสะระแหน่และงาอ่อน ๆ
- รสชาติ มีรสชาติสดชื่น มีความเผ็ดเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
- เนื้อสัมผัส ใบสดจะมีความกรอบเล็กน้อย
- คุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, แคลเซียม, โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โรสแมรินิกแอซิด (rosmarinic acid) และลูทีโอลิน (luteolin) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
- มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นแหล่งของกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และอาจมีคุณสมบัติทางยา
ประโยชน์ของใบงาเกาหลีเขียว
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินเอและวิตามินซีสูงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- บำรุงผิวพรรณ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายและอาจช่วยให้ผิวพรรณสดใส
- ช่วยในการแข็งตัวของเลือด วิตามินเคมีความสำคัญต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือด
- บำรุงกระดูกและฟัน แคลเซียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สารโรสแมรินิกแอซิดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
- อาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีงานวิจัยเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากใบงาเกาหลีอาจมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- มีกลิ่นหอมช่วยเจริญอาหาร กลิ่นหอมเฉพาะตัวของใบงาเกาหลีอาจช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน เลือกพื้นที่ปลูกที่มีดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ประมาณ 6.0-7.0 ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- การเพาะเมล็ด ใบงาเกาหลีส่วนใหญ่ปลูกด้วยเมล็ด สามารถเพาะเมล็ดในแปลงเพาะกล้าก่อน หรือหว่านลงในแปลงปลูกโดยตรงก็ได้
- เพาะกล้า หว่านเมล็ดในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะกล้าที่มีดินร่วน กลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ หรือสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร จึงย้ายลงแปลงปลูก
- หว่านโดยตรง หว่านเมล็ดเป็นแถวหรือห่างกันพอสมควร กลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม
- ระยะปลูก หากปลูกเป็นแถว ควรมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
- การให้น้ำ รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต
- การให้ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก่อนปลูก และอาจให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อยในช่วงที่ต้นกำลังเจริญเติบโต
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
- การเก็บเกี่ยว สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวใบได้เมื่อต้นมีขนาดพอสมควร โดยทั่วไปประมาณ 30-50 วันหลังปลูก สามารถเก็บเกี่ยวได้เรื่อย ๆ โดยเลือกเก็บใบที่สมบูรณ์ ไม่แก่จนเกินไป ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าที่มีอากาศเย็น เพื่อรักษาความสดของใบ หากต้องการเก็บเมล็ดไว้ขยายพันธุ์ต่อ ให้ปล่อยให้ต้นออกดอกและติดฝักจนฝักแก่และแห้ง