เมล็ดพันธุ์ กวางตุ้งดอก 250 เมล็ด
กวางตุ้งดอก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica rapa var. chinensis) เป็นผักใบเขียวในตระกูลกะหล่ำ ซึ่งเป็นที่นิยมในอาหารไทยและจีน มักใช้ในอาหารประเภทต้ม ผัด หรือเป็นผักเคียงกับข้าว กวางตุ้งดอกมีลักษณะใบเรียวยาว มีลักษณะคล้ายผักกาดขาว แต่แตกต่างกันที่ส่วนปลายของก้านมีดอกที่สามารถนำมารับประทานได้ กวางตุ้งดอกนิยมปลูกในหลายประเทศแถบเอเชีย
คุณสมบัติ
- รูปร่าง: กวางตุ้งดอกมีใบสีเขียวสดและมีก้านยาว ใบจะหนากว่ากวางตุ้งทั่วไป ส่วนดอกที่แตกออกมามีสีเหลืองสด
- รสชาติ: รสชาติของกวางตุ้งดอกจะมีความกรอบและรสชาติหวานปนขมเล็กน้อย
- คุณค่าทางโภชนาการ: กวางตุ้งดอกมีวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กในปริมาณที่สูง ทำให้เป็นผักที่มีประโยชน์ทางด้านโภชนาการมาก
ประโยชน์ของกวางตุ้งดอก
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: ด้วยวิตามินซีที่สูงในกวางตุ้งดอก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายและป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ
- บำรุงสายตา: วิตามินเอในกวางตุ้งดอกช่วยบำรุงสุขภาพสายตาและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในดวงตา
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน: แคลเซียมและฟอสฟอรัสที่พบในกวางตุ้งดอกช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
- ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร: ด้วยไฟเบอร์ที่มีสูงช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีและลดอาการท้องผูก
- ลดการอักเสบ: กวางตุ้งดอกมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน: ควรเตรียมดินที่มีความร่วนซุยและการระบายน้ำดี เช่น ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนที่มีการเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- การเพาะเมล็ด: เมล็ดกวางตุ้งดอกสามารถเพาะในถาดเพาะเมล็ดหรือในแปลงปลูกได้ ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร เมื่อต้นกล้าโตพอให้ย้ายไปปลูกในแปลง
- การเลือกสถานที่ปลูก: กวางตุ้งดอกชอบแสงแดดเต็มที่ ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน
- การรดน้ำและดูแล: ควรรดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่แฉะ รดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้มีเชื้อราหรือโรคที่เกิดจากความชื้น
- การเก็บเกี่ยว: กวางตุ้งดอกสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 30-45 วัน เมื่อใบใหญ่และมีความกรอบ สามารถเก็บใบและดอกไปใช้ประกอบอาหารได้