เมล็ดพันธุ์ ฝาง 15 เมล็ด
ฝาง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Caesalpinia sappan) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงกลาง ในวงศ์ถั่ว (Fabaceae) มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ฝางเสน ฝางแดง สุพรรณิกา (ภาคกลาง) ง้าว (ภาคเหนือ) ปะงา (มลายู) และหนามโค้ง (นครราชสีมา)
คุณสมบัติ
- ลำต้น
- สูงประมาณ 5-10 เมตร มีหนามโค้งแข็งแรงกระจายอยู่ทั่วไปตามลำต้นและกิ่ง
- ใบ
- เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น มีใบย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก
- ดอก
- ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลืองสด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
- ฝัก
- แบน รูปไข่แกมขอบขนาน ปลายมน มีจะงอยสั้นๆ เมื่อแก่จะแห้งและแตกออก ภายในมีเมล็ดรูปไข่แบน สีดำ
ประโยชน์ของฝาง
- ใช้ย้อมสี
- เป็นประโยชน์หลักที่สำคัญที่สุด เนื้อไม้ฝางให้สีแดงอมส้มที่สวยงาม ทนทาน และเป็นสีธรรมชาติ จึงนิยมใช้ย้อมผ้าไหม ผ้าฝ้าย และเครื่องจักสานต่างๆ
- ทางยา:
- เนื้อไม้ ใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาแผนโบราณ มีสรรพคุณบำรุงโลหิต ขับระดู แก้ปวดประจำเดือน สมานแผล ห้ามเลือด แก้ท้องเสีย
- ราก ใช้ต้มดื่มแก้ไข้
- ดอก ใช้ต้มดื่มบำรุงหัวใจ
- อื่นๆ:
- ไม้ประดับ ด้วยทรงพุ่มที่สวยงามและดอกสีเหลืองสด ทำให้บางครั้งมีการปลูกฝางเป็นไม้ประดับ
- แหล่งอาหารสัตว์ ใบฝางอ่อนอาจใช้เป็นอาหารสัตว์ได้บ้างในบางท้องถิ่น
วิธีการปลูก
- การเตรียมเมล็ด
- นำฝักแก่ที่แห้งมาแกะเอาเมล็ดออก อาจนำเมล็ดไปแช่น้ำอุ่นประมาณ 6-12 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้งอกได้ดีขึ้น
- การเพาะกล้า
- เพาะในกระบะเพาะหรือถุงเพาะชำ เตรียมดินเพาะกล้าที่ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี หยอดเมล็ดลงในกระบะหรือถุงเพาะชำ กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม วางไว้ในที่ร่มรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงแปลงได้
- เพาะโดยตรงลงแปลง เตรียมดินในแปลงปลูกให้ดี ขุดหลุมเล็กๆ หยอดเมล็ด 2-3 เมล็ดต่อหลุม กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้างอกและแข็งแรงดีแล้ว ให้ถอนแยกเหลือต้นที่สมบูรณ์ที่สุดไว้
- การเตรียมดินและหลุมปลูก
- ฝางสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินหลายชนิด แต่ชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ควรไถพรวนดินและกำจัดวัชพืช ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 2-4 เมตร และระหว่างแถวประมาณ 3-5 เมตร (ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการปลูก หากต้องการเก็บเกี่ยวเนื้อไม้ อาจปลูกในระยะที่ชิดกว่านี้ได้)
- การปลูก
- นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้มิดราก รดน้ำให้ชุ่ม
- การดูแลรักษา
- การให้น้ำ ในช่วงแรกที่ปลูก ควรรดน้ำสม่ำเสมอเพื่อให้ต้นตั้งตัวได้ เมื่อต้นโตแล้วจะทนแล้งได้ดี แต่ควรรดน้ำบ้างในช่วงฤดูแล้งหากดินแห้งแล้งมาก
- การใส่ปุ๋ย ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยมากนัก อาจใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักบ้างเล็กน้อยเพื่อบำรุงดิน
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบโคนต้นอย่างสม่ำเสมอ
- การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้ง เป็นโรค หรือกิ่งที่ขึ้นเบียดกัน เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง
- การป้องกันและกำจัดศัตรู ฝางค่อนข้างทนทานต่อศัตรูและโรค
โดยทั่วไป ฝางจะเริ่มให้ดอกและฝักเมื่อมีอายุประมาณ 3-5 ปี และสามารถเก็บเกี่ยวเนื้อไม้ได้เมื่อมีอายุประมาณ 7-10 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดที่ต้องการ