เมล็ดพันธุ์ มะละกอแขกดำ

30 ฿

  • จำนวน 40 เมล็ด
  • ใช้ทำส้มตำ ผัด ต้ม หรือแกง เช่น ตำไทย ตำปูปลาร้า แกงส้มมะละกอ
  • ไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้
  • เป็นพืชที่ให้ผลผลิตเร็วและต่อเนื่อง
  • ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

เมล็ดพันธุ์ มะละกอแขกดำ 40 เมล็ด

มะละกอแขกดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya) เป็นสายพันธุ์มะละกอที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากให้ผลผลิตสูง มีผลขนาดกลางถึงใหญ่ เปลือกผลดิบมีสีเขียวเข้ม เนื้อสีแดงส้ม รสหวานฉ่ำ นิยมรับประทานทั้งผลดิบและผลสุก

คุณสมบัติ

  • ผลใหญ่และเนื้อแน่น: น้ำหนักเฉลี่ยของผลอยู่ที่ 1.5 – 2 กิโลกรัม

  • เปลือกหนา ทนต่อการขนส่ง: ช่วยให้เก็บรักษาได้นานกว่า

  • รสชาติหวาน: มีความหวานประมาณ 12-14 องศาบริกซ์ (Brix)

  • ให้ผลผลิตเร็ว: เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน

  • ต้นเตี้ย ดูแลง่าย: ทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

ประโยชน์ของมะละกอแขกดำ

1. ด้านอาหาร

  • ผลดิบ: ใช้ทำส้มตำ ผัด ต้ม หรือแกง เช่น ตำไทย ตำปูปลาร้า แกงส้มมะละกอ

  • ผลสุก: รับประทานเป็นผลไม้สด หรือทำเป็นสมูทตี้ น้ำมะละกอ และของหวาน

  • เมล็ดมะละกอ: มีรสเผ็ดเล็กน้อย สามารถนำมาบดใช้แทนพริกไทยได้

2. ด้านสุขภาพ

  • อุดมไปด้วย วิตามิน A, C, และ E ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

  • มี เอนไซม์ปาเปน (Papain) ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะโปรตีน

  • ไฟเบอร์สูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและล้างพิษในลำไส้

  • ช่วยลดการอักเสบในร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

3. ด้านการเกษตรและเศรษฐกิจ

  • เป็นพืชที่ให้ผลผลิตเร็วและต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร

  • ต้นมะละกอช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดิน

  • เป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อยเมื่อเติบโตเต็มที่

วิธีการปลูก

1. การเตรียมดินและสถานที่ปลูก

  • เลือกดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำดี

  • ควรปลูกในที่มีแสงแดดเต็มวัน

  • ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) ควรอยู่ระหว่าง 5.5-6.5

2. วิธีการปลูก

  • เพาะเมล็ด: นำเมล็ดแช่น้ำอุ่น 24 ชั่วโมง แล้วเพาะในถุงเพาะชำ รอให้กล้าโตประมาณ 1 เดือนก่อนย้ายลงแปลง

  • ปลูกลงดิน: เว้นระยะห่าง 2-3 เมตรต่อต้น เพื่อให้ได้รับแสงแดดเพียงพอ

  • คลุมดิน: ใช้ฟางข้าวหรือหญ้าแห้งคลุมดินเพื่อลดการระเหยของน้ำ

3. การดูแลรักษา

  • รดน้ำ: ทุกวันในช่วง 1-2 เดือนแรก หลังจากนั้นรดน้ำวันเว้นวัน

  • ใส่ปุ๋ย: ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์ทุก 2 สัปดาห์ และปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อเพิ่มผลผลิต

  • ตัดแต่งกิ่ง: เพื่อลดการเกิดโรคและช่วยให้ต้นแข็งแรง

  • ป้องกันโรคและแมลง: ระวังโรคไวรัสจุดวงแหวน และเพลี้ยแป้ง โดยใช้สารชีวภาพป้องกัน