เมล็ดพันธุ์ กะหล่ำดาว

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • วิตามินซีช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  • สารไอโซไทโอไซยาเนตที่ได้จากกลูโคซิโนเลต มีการศึกษาว่าอาจมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
  • โฟเลตมีความสำคัญต่อการพัฒนาของระบบประสาทของทารก
  • วิตามินเคมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูก

เมล็ดพันธุ์ กะหล่ำดาว 100 เมล็ด

กะหล่ำดาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica oleracea var. gemmifera)  เป็นพืชผักในวงศ์ Brassicaceae เช่นเดียวกับกะหล่ำปลี บรอกโคลี และคะน้า มีลักษณะโดดเด่นคือมีหัวขนาดเล็กคล้ายกะหล่ำปลีจิ๋วจำนวนมากเรียงรายอยู่ตามลำต้นสูง กะหล่ำดาวมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ อาจมีรสขมเล็กน้อย แต่เมื่อปรุงสุกอย่างเหมาะสมจะมีรสหวานและนุ่ม นิยมนำมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู เช่น ผัด อบ คั่ว หรือย่าง

คุณสมบัติ

  • อุดมไปด้วยวิตามินเค มีปริมาณวิตามินเคสูงมาก ซึ่งมีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพกระดูก
  • เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสารไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanates) ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด
  • มีวิตามินบีหลายชนิด เช่น โฟเลต (วิตามินบี 9) ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่
  • มีแร่ธาตุ ประกอบด้วยแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียม และแมงกานีส

ประโยชน์ของกะหล่ำดาว

  1. เสริมสร้างสุขภาพกระดูก วิตามินเคมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูก
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  3. ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก
  4. อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง สารไอโซไทโอไซยาเนตที่ได้จากกลูโคซิโนเลต มีการศึกษาว่าอาจมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
  5. ช่วยในการพัฒนาของทารกในครรภ์ โฟเลตมีความสำคัญต่อการพัฒนาของระบบประสาทของทารก
  6. ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ใยอาหารช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • ดินควรเป็นดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีความอุดมสมบูรณ์ และมีอินทรียวัตถุสูง
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และกำจัดวัชพืชออกให้หมด
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราที่เหมาะสม
    • ปรับค่า pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 6.0-7.5
  2. การเพาะกล้า (แนะนำ)

    • นิยมเพาะกล้าก่อนย้ายปลูก สามารถเพาะในกระบะเพาะหรือแปลงเพาะ
    • หว่านเมล็ดให้มีระยะห่างพอสมควร กลบดินบางๆ และรดน้ำให้ชุ่ม
    • ดูแลต้นกล้าให้ได้รับแสงแดดและน้ำอย่างเพียงพอ ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ต้นกล้าจะมีใบจริง 4-5 ใบ พร้อมย้ายปลูก
  3. การย้ายปลูก

    • ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่ารากของต้นกล้าเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก โดยให้ระดับดินเดิมของต้นกล้าเสมอกับระดับดินในแปลง
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 45-60 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 60-90 เซนติเมตร
    • กลบดินและรดน้ำให้ชุ่ม
  4. การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ กะหล่ำดาวต้องการน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
    • การใส่ปุ๋ย ให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงในช่วงแรกของการเจริญเติบโตเพื่อส่งเสริมการสร้างลำต้นและใบ จากนั้นเมื่อเริ่มมีการสร้างหัวเล็กๆ สามารถให้ปุ๋ยที่มีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้นเล็กน้อย
    • การพรวนดินและกำจัดวัชพืช พรวนดินรอบโคนต้นเพื่อเพิ่มอากาศในดินและกำจัดวัชพืช
    • การเด็ดยอด เมื่อต้นสูงประมาณ 60-75 เซนติเมตร การเด็ดยอดจะช่วยกระตุ้นให้กะหล่ำดาวที่อยู่ด้านข้างเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
    • การป้องกันและกำจัดโรคและแมลง กะหล่ำดาวอาจถูกรบกวนจากหนอนใยผัก หนอนเจาะลำต้น และแมลงอื่นๆ ควรมีการตรวจสอบและป้องกันกำจัดอย่างสม่ำเสมอ
  5. การเก็บเกี่ยว

    • กะหล่ำดาวจะใช้เวลาประมาณ 90-180 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพอากาศ
    • เริ่มเก็บเกี่ยวจากหัวที่อยู่ด้านล่างของลำต้นก่อน เมื่อหัวมีขนาดประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร และยังแน่น
    • สามารถทยอยเก็บเกี่ยวได้เรื่อยๆ จากด้านล่างขึ้นบน เมื่ออากาศเย็นลง รสชาติของกะหล่ำดาวจะดีขึ้น