เมล็ดพันธุ์ งาดำ

30 ฿

  • จำนวน 1,500 เมล็ด
  • กรดไขมันในงาดำช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  • งาดำอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • ด้วยไฟเบอร์สูง งาดำช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ลดปัญหาท้องผูกและปรับปรุงระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น
  • งาดำมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอย และบำรุงสุขภาพผิว

เมล็ดพันธุ์ งาดำ 1,500 เมล็ด

งาดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Sesamum indicum) เป็นพืชตระกูลเดียวกับงาขาวที่มีต้นกำเนิดในแอฟริกาและอินเดีย โดยมีเมล็ดสีดำที่นิยมใช้ในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท เช่น งาดำคั่ว โรยหน้าขนม หรือใช้ในการปรุงรสต่าง ๆ งาดำยังเป็นที่รู้จักในวงการสมุนไพรและการแพทย์พื้นบ้าน เนื่องจากมีคุณสมบัติทางโภชนาการและสารอาหารที่มีประโยชน์

คุณสมบัติ

  • ลักษณะทางกายภาพ เมล็ดงาดำมีขนาดเล็กและสีดำ เนื้อในของเมล็ดจะมีรสชาติหอมมันและมีความกรอบ

  • รสชาติ รสชาติของงาดำจะมีความมันและหอมมากกว่างาขาว ซึ่งเหมาะสำหรับการเพิ่มรสชาติในอาหารหรือขนมต่าง ๆ

  • คุณค่าทางโภชนาการ งาดำอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี และไฟเบอร์

ประโยชน์ของงาดำ

  1. ช่วยบำรุงกระดูก งาดำอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน

  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินบีในงาดำช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ

  3. บำรุงผิวพรรณ งาดำมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการเกิดริ้วรอย และบำรุงสุขภาพผิว

  4. ลดความดันโลหิต เมล็ดงาดำมีสารที่ช่วยลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดหัวใจ

  5. บำรุงเส้นผม การรับประทานงาดำสามารถช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและเงางาม

  6. ช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยไฟเบอร์สูง งาดำช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ลดปัญหาท้องผูกและปรับปรุงระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น

  7. ช่วยลดคอเลสเตอรอล กรดไขมันในงาดำช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน งาดำชอบดินที่มีการระบายน้ำดี ดินควรมีความร่วนซุยและมีการเติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน

  2. การเพาะเมล็ด เมล็ดงาดำสามารถเพาะในแปลงปลูกได้โดยการหว่านเมล็ดลงในดิน ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30-40 เซนติเมตร

  3. การเลือกสถานที่ปลูก งาดำต้องการแสงแดดเต็มที่ ดังนั้นควรเลือกสถานที่ที่ได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน

  4. การรดน้ำและดูแล รดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อป้องกันการเกิดโรคจากความชื้นสูง แต่ต้องระวังไม่ให้ดินแฉะเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดโรครากเน่า

  5. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกออกอย่างสม่ำเสมอ เพราะวัชพืชจะชิงอาหารและแสงแดดจากงาดำ

  6. การเก็บเกี่ยว งาดำจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นงาตั้งตรงและฝักเปิด เมล็ดจะหลุดจากฝักเมื่อสุกแล้ว สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 3-4 เดือนหลังจากปลูก ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ