เมล็ดพันธุ์ มะเขือเทศเชอร์รี่ดำ 30 เมล็ด
มะเขือเทศเชอร์รี่ดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon esculentum) เป็นสายพันธุ์ของมะเขือเทศเชอร์รี่ที่มีผลขนาดเล็ก สีม่วงเข้มไปจนถึงดำคล้ำเมื่อสุกเต็มที่ มีต้นกำเนิดจากต่างประเทศ นิยมปลูกในสวนครัวและในแปลงผักปลอดสาร
จุดเด่นคือ รสชาติหวานฉ่ำอมเปรี้ยวเล็กน้อย และมี สารอาหารมากกว่ามะเขือเทศทั่วไป โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้สีเข้ม
คุณสมบัติ
-
มี ไลโคปีน (Lycopene) สูงกว่ามะเขือเทศทั่วไป ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ
-
อุดมด้วย วิตามิน A, C, K และโพแทสเซียม
-
สีดำของเปลือกมาจากสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
-
มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยในระบบขับถ่าย
ประโยชน์ของมะเขือเทศเชอร์รี่ดำ
เพื่อสุขภาพ:
-
ช่วยบำรุงผิวพรรณ และลดริ้วรอยจากสารไลโคปีน
-
ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
-
บำรุงสายตา จากวิตามินเอ
-
ช่วยควบคุมความดันโลหิต และสุขภาพของหัวใจ
ทางอาหาร:
-
รับประทานสดในสลัด หรือนำไปตกแต่งจาน
-
ผัดกับเนย กระเทียม หรือใส่ในพาสต้า
-
นำไปอบเป็นขนมขบเคี้ยว หรือทำเป็นซอสมะเขือเทศโฮมเมดได้
วิธีการปลูก
มะเขือเทศเชอร์รี่ดำปลูกไม่ยาก แต่อยากให้ได้ผลผลิตดีควรมีแสงแดดจัดและอากาศถ่ายเท
วิธีปลูก:
-
การเพาะเมล็ด:
-
แช่เมล็ดในน้ำอุ่น 6–8 ชั่วโมงก่อนเพาะ
-
เพาะในดินร่วน หรือถาดเพาะกล้า ประมาณ 7–10 วันจะเริ่มงอก
-
-
ย้ายปลูก:
-
เมื่อต้นกล้าแข็งแรง (สูงประมาณ 5–10 ซม.) ย้ายลงแปลงหรือกระถาง
-
ควรมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 40–60 ซม.
-
-
ดิน:
-
ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
-
-
แสงแดด:
-
ต้องการแสงแดดเต็มวัน อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมง/วัน
-
-
การดูแล:
-
รดน้ำวันละ 1–2 ครั้ง อย่าให้แฉะเกินไป
-
ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทุก 10–15 วัน
-
เมื่อต้นสูงควร ทำค้างหรือไม้พยุง กันล้ม
-
ป้องกันแมลงด้วยการฉีดสารชีวภาพ เช่น น้ำหมักสมุนไพร
-
-
การเก็บเกี่ยว:
-
เริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกประมาณ 60–75 วัน
-
เก็บผลที่เปลี่ยนสีม่วงดำและเริ่มนิ่มเล็กน้อย
-