เมล็ดพันธุ์ บวบแอปเปิ้ล

30 ฿

  • จำนวน 8 เมล็ด
  • ด้วยรูปร่างที่น่ารักคล้ายแอปเปิ้ล ทำให้บวบชนิดนี้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามในสวนครัว
  • ผลดิบเป็นผักที่นิยมบริโภค ให้รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดกับไข่ แกงเลียง ต้มจิ้มน้ำพริก หรือนำไปยัดไส้
  • เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดี ช่วยในการขับถ่าย และมีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  • เช่นเดียวกับบวบเหลี่ยม ส่วนต่างๆ ของบวบแอปเปิ้ลอาจมีสรรพคุณทางสมุนไพรบ้าง เช่น ช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย

เมล็ดพันธุ์ บวบแอปเปิ้ล 8 เมล็ด

บวบแอปเปิ้ล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa acutangula (L.) Roxb.) หรือที่รู้จักกันในชื่อ บวบเหลี่ยมลูกสั้น หรือ บวบหอมเหลี่ยม  เป็นพันธุ์หนึ่งของบวบเหลี่ยม (Angled Luffa) ที่มีลักษณะเด่นคือ ผลมีรูปร่างป้อม กลมแป้นคล้ายผลแอปเปิ้ล แทนที่จะมีรูปร่างยาวเรียวเหมือนบวบเหลี่ยมทั่วไป บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นเหลี่ยมตื้นๆ ไม่เด่นชัดเท่าบวบเหลี่ยมปกติ

คุณสมบัติ

  • ลำต้น เป็นเถาเลื้อย มีมือเกาะสำหรับยึดเหนี่ยว
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกสลับ รูปฝ่ามือ มี 3-5 แฉก ขอบใบหยัก มีขนอ่อนๆ ปกคลุม
  • ดอก เป็นดอกเดี่ยวหรือดอกช่อ ออกตามซอกใบ มีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกมีสีเหลืองสด กลีบดอก 5 กลีบ
  • ผล มีลักษณะป้อม กลมแป้นคล้ายผลแอปเปิ้ล อาจมีเหลี่ยมตื้นๆ ตามยาว ผิวผลสีเขียวอ่อน เนื้อผลแน่น ฉ่ำน้ำ
  • รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ผลมีรูปร่างกลมแป้นคล้ายแอปเปิ้ล ทำให้ดูน่าสนใจและแตกต่างจากบวบชนิดอื่นๆ
  • รสชาติ ผลดิบมีรสชาติหวานเล็กน้อย เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ คล้ายบวบเหลี่ยม แต่มีความนุ่มและหวานกว่าเล็กน้อย
  • คุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และใยอาหาร
  • เติบโตง่าย เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น และให้ผลผลิตค่อนข้างเร็ว
  • หลากหลายในการปรุงอาหาร สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผัด แกง ต้ม หรือลวกจิ้ม

ประโยชน์ของบวบแอปเปิ้ล

  1. เป็นอาหาร ผลดิบเป็นผักที่นิยมบริโภค ให้รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดกับไข่ แกงเลียง ต้มจิ้มน้ำพริก หรือนำไปยัดไส้
  2. คุณค่าทางโภชนาการ เป็นแหล่งของใยอาหารที่ดี ช่วยในการขับถ่าย และมีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  3. ทางสมุนไพร เช่นเดียวกับบวบเหลี่ยม ส่วนต่างๆ ของบวบแอปเปิ้ลอาจมีสรรพคุณทางสมุนไพรบ้าง เช่น ช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย
  4. ความสวยงาม ด้วยรูปร่างที่น่ารักคล้ายแอปเปิ้ล ทำให้บวบชนิดนี้เป็นที่นิยมปลูกเพื่อความสวยงามในสวนครัว

วิธีการปลูก

  • การเตรียมดิน บวบแอปเปิ้ลชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร และตากดินทิ้งไว้ 2-3 วัน จากนั้นใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าให้เข้ากัน ยกแปลงปลูกให้สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-1.5 เมตร เว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 50-80 เซนติเมตร

  • การเพาะเมล็ด

    • นำเมล็ดบวบแอปเปิ้ลมาแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
    • หยอดเมล็ดลงในหลุมที่เตรียมไว้ในแปลงปลูก หลุมละ 2-3 เมล็ด ลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 50-80 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1-1.5 เมตร
    • กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
  • การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล ควรรดน้ำในช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการรดน้ำโดนใบโดยตรงเพื่อป้องกันโรครา
    • การให้ปุ๋ย เมื่อต้นบวบอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) เล็กน้อยเพื่อบำรุงต้น จากนั้นเมื่อเริ่มออกดอกและติดผล ให้ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) หรือปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของผล
    • การทำค้าง บวบแอปเปิ้ลเป็นไม้เถาเลื้อยที่ต้องการค้างสำหรับเกาะ ควรทำค้างที่แข็งแรง เช่น ค้างไม้ไผ่ หรือตาข่ายพลาสติก เพื่อให้เถาเลื้อยและผลห้อยลงมาได้สะดวก ช่วยให้ผลมีรูปทรงสวยงามและไม่สัมผัสดิน
    • การเด็ดยอด เมื่อต้นบวบมีอายุประมาณ 30-40 วัน หรือมีข้อประมาณ 7-8 ข้อ ควรเด็ดยอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นให้แตกแขนงและให้ผลผลิตมากขึ้น
    • การผสมเกสร (หากจำเป็น) บวบแอปเปิ้ลมักจะออกดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกัน หากการติดผลไม่ดี อาจต้องช่วยผสมเกสรด้วยมือ โดยนำเกสรจากดอกตัวผู้ไปแตะที่เกสรของดอกตัวเมียในช่วงเช้า
    • การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบๆ แปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
    • การป้องกันและกำจัดโรคแมลง บวบแอปเปิ้ลอาจพบปัญหาโรคราน้ำค้าง โรคใบจุด และแมลง เช่น หนอนเจาะผล แมลงหวี่ขาว ควรสังเกตอาการและป้องกันกำจัดตามความเหมาะสม
  • การเก็บเกี่ยว บวบแอปเปิ้ลจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 45-60 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลดิบได้เมื่อผลมีขนาดพอเหมาะ ผิวสีเขียวสด และยังมีความอ่อนนุ่ม ควรเก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นให้ต้นออกดอกและติดผลต่อไป