เมล็ดพันธุ์ บวบพวง 15 เมล็ด
บวบพวง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa cylindrica (L.) M. Roem) เป็นไม้เถาเลื้อยในวงศ์ Cucurbitaceae (วงศ์เดียวกับแตงกวา ฟักทอง และบวบเหลี่ยม) มีลักษณะเด่นคือผลจะมีรูปร่างทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ เมื่อผลอ่อนจะมีสีเขียว เนื้อนุ่ม มีรสชาติจืด สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เมื่อผลแก่และแห้ง จะมีเส้นใยเหนียวคล้ายฟองน้ำ สามารถนำมาใช้ขัดตัวหรือล้างจานได้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “Sponge Gourd” หรือ “Dishcloth Gourd” บวบพวงมีดอกสีเหลืองสวยงาม และมีมือเกาะสำหรับเลื้อย
คุณสมบัติ
- ผลอ่อน (สำหรับบริโภค)
- มีน้ำมาก ให้ความสดชื่น
- มีใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย
- มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส แต่มีปริมาณไม่สูงมากนัก
- มีแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- ผลแก่ (สำหรับใช้สอย)
- มีเส้นใยเหนียว ทนทานต่อการขัดถู
- ดูดซับน้ำได้ดี เหมาะสำหรับใช้เป็นฟองน้ำ
- เป็นวัสดุจากธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประโยชน์ของบวบพวง
- ด้านอาหาร (ผลอ่อน)
- เป็นแหล่งผัก สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย เช่น ผัด แกง ต้ม หรือใส่ในซุป
- ให้ความสดชื่น มีน้ำมาก เหมาะสำหรับรับประทานในอากาศร้อน
- ช่วยในการขับถ่าย มีใยอาหาร
- ด้านใช้สอย (ผลแก่)
- ใช้ขัดผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวสะอาดและสดใส
- ใช้ล้างจาน เป็นฟองน้ำธรรมชาติที่สามารถใช้ล้างจานและเครื่องครัวได้
- ใช้ทำความสะอาดบ้าน สามารถนำมาขัดถูสิ่งสกปรกต่างๆ ได้
- ใช้ในงานฝีมือ เส้นใยบวบสามารถนำมาประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ได้ เช่น ของตกแต่ง
- ด้านอื่นๆ
- เป็นไม้ประดับ ดอกสีเหลืองสวยงามและเถาเลื้อยสามารถใช้ตกแต่งสวนได้
- มีสรรพคุณทางยาพื้นบ้าน บางส่วนของบวบพวงถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณ เช่น ช่วยขับปัสสาวะ หรือแก้ร้อนใน (ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนนำมาใช้)
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร กำจัดวัชพืชออกให้หมด
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราที่เหมาะสม
- ขุดหลุมปลูกให้มีระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 1-1.5 เมตร และระหว่างแถวประมาณ 1.5-2 เมตร
-
การเพาะเมล็ด
- นำเมล็ดบวบพวงแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
- หยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกประมาณ 2-3 เมล็ดต่อหลุม กลบดินบางๆ ประมาณ 1-2 เซนติเมตร
- รดน้ำให้ชุ่ม
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดผล ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
- การใส่ปุ๋ย หลังจากต้นกล้ามีใบจริง 3-4 ใบ สามารถใส่ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงเพื่อบำรุงต้น และเมื่อเริ่มออกดอกและติดผล ให้เปลี่ยนเป็นปุ๋ยที่มีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้น
- การทำค้างหรือร้าน เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ควรทำค้างหรือร้านให้เถาบวบเกาะ โดยอาจใช้ไม้ไผ่ ตาข่าย หรือลวดขึง
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
- การเด็ดยอด เมื่อเถาบวบยาวเกินไป สามารถเด็ดยอดเพื่อกระตุ้นการแตกแขนงและการติดผล
-
การเก็บเกี่ยว
- ผลอ่อน (สำหรับบริโภค) สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีขนาดตามต้องการ (ประมาณ 30-60 เซนติเมตร) และยังอ่อนนุ่ม
- ผลแก่ (สำหรับใช้สอย) ปล่อยให้ผลแก่จัด ผิวเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล และแห้ง เมื่อเขย่าจะมีเสียงเมล็ดข้างใน จากนั้นจึงเก็บเกี่ยว นำมาตากแดดให้แห้งสนิท แล้วนำไปแช่น้ำเพื่อลอกเปลือกและเนื้อออก จะได้เส้นใยบวบสำหรับใช้สอย