เมล็ดพันธุ์ หอมแย้ 100 เมล็ด
หอมแย้ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Kaempferia galanga L.) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ว่านหอม หรือ เปราะหอม เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีเหง้าใต้ดินคล้ายขมิ้นแต่มีขนาดเล็กกว่า ใบมีลักษณะกลมกว้างคล้ายใบบัว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายการบูร เหง้าเป็นส่วนหลักที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะเป็นแง่งสั้นๆ ติดกัน เนื้อภายในมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมคล้ายการบูร รสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องเทศและมีสรรพคุณทางยา ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว รูปกลมกว้างคล้ายใบบัว ออกจากเหง้าโดยตรง มีสีเขียวสด มีขนอ่อนๆ ปกคลุมเล็กน้อย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
คุณสมบัติ
- กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
- มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวคล้ายการบูร ซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาใช้ปรุงแต่งกลิ่นและมีสรรพคุณทางยา
- มีน้ำมันหอมระเหย
- ในเหง้ามีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด เช่น ethyl cinnamate, methyl cinnamate และ cineol ซึ่งมีคุณสมบัติทางยา
- มีฤทธิ์ทางยา
- มีสรรพคุณช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ไอ ขับเสมหะ และอาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเชื้อรา
ประโยชน์ของหอมแย้
- ใช้เป็นเครื่องเทศ
- เหง้านำมาหั่นหรือตำใช้ปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติของอาหาร โดยเฉพาะอาหารพื้นเมืองบางชนิด เช่น ข้าวคลุกกะปิ หรือใช้ดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์
- ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- น้ำมันหอมระเหยในหอมแย้มีฤทธิ์ช่วยขับลมและบรรเทาอาการไม่สบายท้อง
- ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะ
- มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไอและช่วยขับเสมหะ
- อาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
- สารประกอบบางชนิดในหอมแย้อาจมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- อาจมีฤทธิ์ต้านเชื้อราและแบคทีเรีย
- มีการศึกษาเบื้องต้นพบว่าสารสกัดจากหอมแย้อาจมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด
- ใช้ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร
- เป็นส่วนผสมในตำรับยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ เช่น ยานวด ยาหม่อง
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- เลือกดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินและกำจัดวัชพืชออกให้หมด อาจผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์
- การเตรียมเหง้า
- เลือกเหง้าหอมแย้ที่สมบูรณ์ สดใหม่ มีตา (หน่อ) ติดอยู่ ควรตัดเหง้าให้มีขนาดพอเหมาะ ประมาณ 2-3 ตาต่อชิ้น
- การปลูก
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดพอเหมาะกับเหง้า วางเหง้าลงในหลุม โดยให้ตาส่วนบนชี้ขึ้น กลบดินให้มิดเหง้าประมาณ 5-7 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม
- ระยะปลูก
- ควรเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
- การดูแลรักษา
- แสงแดด: หอมแย้ชอบที่ร่มรำไร หรือได้รับแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้าหรือเย็น หากได้รับแสงแดดจัดเกินไป ใบอาจไหม้ได้
- น้ำ: ควรรดน้ำสม่ำเสมอให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโต แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง เพราะจะทำให้เหง้าเน่า
- ดิน: ชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
- ปุ๋ย: สามารถให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกบ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้งาม
- การกำจัดวัชพืช: หมั่นกำจัดวัชพืชที่ขึ้นรอบๆ ต้นหอมแย้ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและแสงแดด
- การเก็บเกี่ยว
- หอมแย้สามารถเก็บเกี่ยวเหง้าได้เมื่อมีอายุประมาณ 8-10 เดือน หลังจากการปลูก โดยขุดเหง้าขึ้นมา ล้างดินออก และนำไปใช้ประโยชน์