เมล็ดพันธุ์ เรดบัตเตอร์เฮด

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • แคลอรี่และไขมันต่ำมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
  • วิตามินเคสูง มีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง
  • วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

เรดบัตเตอร์เฮด 100 เมล็ด

เรดบัตเตอร์เฮด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lactuca sativa L.) เป็นผักกาดหอมสายพันธุ์หนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม “บัตเตอร์เฮด” (Butterhead Lettuce) ซึ่งมีลักษณะเด่นคือใบที่อ่อนนุ่ม คล้ายกับเนื้อสัมผัสของเนย (butter) ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “บัตเตอร์เฮด” สำหรับ “เรดบัตเตอร์เฮด” นั้น มีลักษณะพิเศษเพิ่มเติมคือสีของใบด้านนอกจะเป็นสีแดงอมม่วง แดงเข้ม หรือน้ำตาลแดง ส่วนใบด้านในจะยังคงเป็นสีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน เนื่องจากได้รับแสงน้อยกว่า ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีแดง (แอนโทไซยานิน) น้อยลง เรดบัตเตอร์เฮดไม่ได้รวมตัวเป็นหัวแน่นเหมือนผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce) หรือผักกาดหอมโรเมน (Romaine Lettuce) แต่จะมีใบซ้อนกันหลวมๆ คล้ายช่อดอกกุหลาบ เนื้อใบมีความนุ่มนวลสูง ไม่กรอบมากนัก รสชาติอ่อนนุ่ม มีรสหวานเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ไม่มีรสขม มักนิยมนำมารับประทานสดในสลัด แซนด์วิช หรือใช้ตกแต่งจานอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและความน่ารับประทาน

คุณสมบัติ

  • ลักษณะใบ ใบมีลักษณะกลมมน ขอบใบเรียบหรือหยักเล็กน้อย ใบอ่อนนุ่ม เนียนละเอียด คล้ายเนื้อสัมผัสของเนย
  • สีใบ ใบด้านนอกมีสีแดงอมม่วง แดงเข้ม หรือน้ำตาลแดงสวยงาม ส่วนใบด้านในมีสีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน
  • เนื้อสัมผัส นุ่มนวล ไม่กรอบแข็ง แต่ให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อรับประทาน
  • รสชาติ อ่อนนุ่ม มีรสหวานเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ไม่มีรสขม (หรือมีน้อยมาก)
  • การเจริญเติบโต เจริญเติบโตแบบไม่รวมตัวเป็นหัวแน่น แต่เป็นพุ่มหลวมๆ คล้ายดอกกุหลาบ
  • อายุเก็บเกี่ยว ค่อนข้างสั้น ประมาณ 45-60 วันหลังย้ายกล้า
  • สภาพแวดล้อมที่ชอบ ชอบอากาศเย็นถึงปานกลาง (อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส) ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี และต้องการแสงแดดเต็มที่ถึงแสงรำไร

ประโยชน์ของเรดบัตเตอร์เฮด

  1. วิตามินเคสูง มีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง
  2. วิตามินเอ (ในรูปเบต้าแคโรทีน) เนื่องจากมีสีแดงอมม่วง จึงมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าผักกาดหอมสีเขียวบางชนิด ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  3. สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารที่ให้สีแดงม่วงในผักกาดหอมชนิดนี้ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และอาจช่วยบำรุงสมอง
  4. วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  5. โฟเลต (วิตามินบี 9) สำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ การแบ่งเซลล์ และการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์
  6. ใยอาหาร มีใยอาหารช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
  7. โพแทสเซียม ช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ
  8. แคลอรี่และไขมันต่ำมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ

วิธีการปลูก

1.การเตรียมเมล็ดและวัสดุปลูก

  • เมล็ดพันธุ์ เลือกซื้อเมล็ดพันธุ์เรดบัตเตอร์เฮดจากร้านค้าเกษตรที่น่าเชื่อถือ
  • วัสดุเพาะเมล็ด ใช้พีทมอส (Peat moss) หรือวัสดุเพาะเมล็ดที่มีเนื้อละเอียด โปร่ง ระบายน้ำได้ดี และปราศจากเชื้อโรค
  • ถาดเพาะกล้า/กระถางเพาะ เตรียมถาดเพาะกล้าที่มีช่องระบายน้ำ หรือกระถางขนาดเล็กสำหรับเพาะเมล็ด
  • กระถาง/แปลงปลูกจริง เลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20-25 ซม. สำหรับปลูก 1 ต้น) หรือเตรียมแปลงปลูกที่มีดินร่วนซุย อุดมสมบูรณ์

2. การเพาะเมล็ด

  • แช่เมล็ด (Optional): เมล็ดผักกาดหอมบางพันธุ์อาจได้ประโยชน์จากการแช่น้ำอุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเพาะ
  • หว่านเมล็ด หว่านเมล็ดลงบนผิวหน้าวัสดุเพาะ กดเมล็ดลงไปเล็กน้อย (ไม่เกิน 0.5 ซม.) แล้วกลบด้วยวัสดุเพาะบางๆ ผักกาดหอมต้องการแสงเพื่อการงอก จึงไม่ควรกกลบเมล็ดหนาเกินไป
  • รดน้ำ พ่นละอองน้ำเบาๆ ให้วัสดุเพาะชุ่มชื้น คลุมด้วยพลาสติกใสหรือฝาครอบเพื่อรักษาความชื้นและอุณหภูมิ
  • อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการงอกคือประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส การงอกมักใช้เวลา 3-7 วัน

3. การดูแลต้นกล้า

  • แสงสว่าง เมื่อเมล็ดงอก ควรให้แสงสว่างเพียงพอ แต่หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรงในช่วงแรก
  • การรดน้ำ รดน้ำอย่างระมัดระวังด้วยสเปรย์ฝอยละเอียด เพื่อไม่ให้ต้นกล้าล้ม
  • การย้ายกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และแข็งแรงพอ (สูงประมาณ 5-10 ซม.) จึงค่อยย้ายไปปลูกลงกระถางเดี่ยวหรือแปลงปลูกถาวร

4. การเตรียมดินและการปลูกจริง

  • ดินปลูก ดินควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ค่า pH ที่เหมาะสมคือ 6.0-7.0 (เป็นกลาง) ควรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว
  • การย้ายปลูก
    • ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดเท่ากับรากของต้นกล้า
    • ปลูกโดยให้ระดับดินเท่ากับระดับเดิมที่ต้นกล้าเคยอยู่ ระวังอย่าฝังส่วนยอดของต้นลงไปในดิน
    • เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
    • รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังย้ายปลูก

5. การดูแลรักษา

  • แสงแดด เรดบัตเตอร์เฮดชอบแสงแดดเต็มที่ถึงแสงรำไร หากอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน ควรให้ร่มเงาบางส่วนเพื่อป้องกันใบไหม้และลดความขม
  • การรดน้ำ รดน้ำให้สม่ำเสมอและเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง ดินควรชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่แฉะ การขาดน้ำอาจทำให้ใบมีรสขมและเนื้อสัมผัสกระด้าง
  • การให้ปุ๋ย
    • สามารถบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือปุ๋ยเคมีที่มีไนโตรเจนสูงเล็กน้อย (เช่น สูตร 15-15-15 หรือ 21-0-0) ในปริมาณน้อยๆ ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบ
  • ศัตรูพืชและโรค คอยสำรวจและป้องกันศัตรูพืช เช่น เพลี้ย หนอน และโรคเชื้อรา โดยใช้วิธีธรรมชาติหรือสารชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัย

6. การเก็บเกี่ยว

เรดบัตเตอร์เฮดสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-60 วันหลังย้ายกล้า หรือเมื่อพุ่มใบโตเต็มที่ตามต้องการ

  • วิธีเก็บเกี่ยว
    • เก็บทั้งต้น ตัดโคนต้นที่ระดับผิวดิน
    • เก็บเป็นใบ ค่อยๆ เด็ดใบนอกที่โตเต็มที่ออกไปใช้ทีละใบ เพื่อให้ใบน้อยได้เจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะช่วยยืดอายุการเก็บเกี่ยวได้