เรดบัตเตอร์เฮด 100 เมล็ด
เรดบัตเตอร์เฮด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lactuca sativa L.) เป็นผักกาดหอมสายพันธุ์หนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม “บัตเตอร์เฮด” (Butterhead Lettuce) ซึ่งมีลักษณะเด่นคือใบที่อ่อนนุ่ม คล้ายกับเนื้อสัมผัสของเนย (butter) ทำให้เป็นที่มาของชื่อ “บัตเตอร์เฮด” สำหรับ “เรดบัตเตอร์เฮด” นั้น มีลักษณะพิเศษเพิ่มเติมคือสีของใบด้านนอกจะเป็นสีแดงอมม่วง แดงเข้ม หรือน้ำตาลแดง ส่วนใบด้านในจะยังคงเป็นสีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน เนื่องจากได้รับแสงน้อยกว่า ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีแดง (แอนโทไซยานิน) น้อยลง เรดบัตเตอร์เฮดไม่ได้รวมตัวเป็นหัวแน่นเหมือนผักกาดแก้ว (Iceberg Lettuce) หรือผักกาดหอมโรเมน (Romaine Lettuce) แต่จะมีใบซ้อนกันหลวมๆ คล้ายช่อดอกกุหลาบ เนื้อใบมีความนุ่มนวลสูง ไม่กรอบมากนัก รสชาติอ่อนนุ่ม มีรสหวานเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ไม่มีรสขม มักนิยมนำมารับประทานสดในสลัด แซนด์วิช หรือใช้ตกแต่งจานอาหารเพื่อเพิ่มสีสันและความน่ารับประทาน
คุณสมบัติ
- ลักษณะใบ ใบมีลักษณะกลมมน ขอบใบเรียบหรือหยักเล็กน้อย ใบอ่อนนุ่ม เนียนละเอียด คล้ายเนื้อสัมผัสของเนย
- สีใบ ใบด้านนอกมีสีแดงอมม่วง แดงเข้ม หรือน้ำตาลแดงสวยงาม ส่วนใบด้านในมีสีเขียวอ่อนถึงเหลืองอ่อน
- เนื้อสัมผัส นุ่มนวล ไม่กรอบแข็ง แต่ให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อรับประทาน
- รสชาติ อ่อนนุ่ม มีรสหวานเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ไม่มีรสขม (หรือมีน้อยมาก)
- การเจริญเติบโต เจริญเติบโตแบบไม่รวมตัวเป็นหัวแน่น แต่เป็นพุ่มหลวมๆ คล้ายดอกกุหลาบ
- อายุเก็บเกี่ยว ค่อนข้างสั้น ประมาณ 45-60 วันหลังย้ายกล้า
- สภาพแวดล้อมที่ชอบ ชอบอากาศเย็นถึงปานกลาง (อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส) ชอบดินร่วนซุยที่ระบายน้ำได้ดี และต้องการแสงแดดเต็มที่ถึงแสงรำไร
ประโยชน์ของเรดบัตเตอร์เฮด
- วิตามินเคสูง มีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง
- วิตามินเอ (ในรูปเบต้าแคโรทีน) เนื่องจากมีสีแดงอมม่วง จึงมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าผักกาดหอมสีเขียวบางชนิด ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารที่ให้สีแดงม่วงในผักกาดหอมชนิดนี้ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และอาจช่วยบำรุงสมอง
- วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงผิวพรรณ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- โฟเลต (วิตามินบี 9) สำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ การแบ่งเซลล์ และการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์
- ใยอาหาร มีใยอาหารช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
- โพแทสเซียม ช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ
- แคลอรี่และไขมันต่ำมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
วิธีการปลูก
1.การเตรียมเมล็ดและวัสดุปลูก
- เมล็ดพันธุ์ เลือกซื้อเมล็ดพันธุ์เรดบัตเตอร์เฮดจากร้านค้าเกษตรที่น่าเชื่อถือ
- วัสดุเพาะเมล็ด ใช้พีทมอส (Peat moss) หรือวัสดุเพาะเมล็ดที่มีเนื้อละเอียด โปร่ง ระบายน้ำได้ดี และปราศจากเชื้อโรค
- ถาดเพาะกล้า/กระถางเพาะ เตรียมถาดเพาะกล้าที่มีช่องระบายน้ำ หรือกระถางขนาดเล็กสำหรับเพาะเมล็ด
- กระถาง/แปลงปลูกจริง เลือกกระถางที่มีขนาดเหมาะสม (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20-25 ซม. สำหรับปลูก 1 ต้น) หรือเตรียมแปลงปลูกที่มีดินร่วนซุย อุดมสมบูรณ์
2. การเพาะเมล็ด
- แช่เมล็ด (Optional): เมล็ดผักกาดหอมบางพันธุ์อาจได้ประโยชน์จากการแช่น้ำอุ่นประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเพาะ
- หว่านเมล็ด หว่านเมล็ดลงบนผิวหน้าวัสดุเพาะ กดเมล็ดลงไปเล็กน้อย (ไม่เกิน 0.5 ซม.) แล้วกลบด้วยวัสดุเพาะบางๆ ผักกาดหอมต้องการแสงเพื่อการงอก จึงไม่ควรกกลบเมล็ดหนาเกินไป
- รดน้ำ พ่นละอองน้ำเบาๆ ให้วัสดุเพาะชุ่มชื้น คลุมด้วยพลาสติกใสหรือฝาครอบเพื่อรักษาความชื้นและอุณหภูมิ
- อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการงอกคือประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส การงอกมักใช้เวลา 3-7 วัน
3. การดูแลต้นกล้า
- แสงสว่าง เมื่อเมล็ดงอก ควรให้แสงสว่างเพียงพอ แต่หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรงในช่วงแรก
- การรดน้ำ รดน้ำอย่างระมัดระวังด้วยสเปรย์ฝอยละเอียด เพื่อไม่ให้ต้นกล้าล้ม
- การย้ายกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และแข็งแรงพอ (สูงประมาณ 5-10 ซม.) จึงค่อยย้ายไปปลูกลงกระถางเดี่ยวหรือแปลงปลูกถาวร
4. การเตรียมดินและการปลูกจริง
- ดินปลูก ดินควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ค่า pH ที่เหมาะสมคือ 6.0-7.0 (เป็นกลาง) ควรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว
- การย้ายปลูก
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดเท่ากับรากของต้นกล้า
- ปลูกโดยให้ระดับดินเท่ากับระดับเดิมที่ต้นกล้าเคยอยู่ ระวังอย่าฝังส่วนยอดของต้นลงไปในดิน
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังย้ายปลูก
5. การดูแลรักษา
- แสงแดด เรดบัตเตอร์เฮดชอบแสงแดดเต็มที่ถึงแสงรำไร หากอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน ควรให้ร่มเงาบางส่วนเพื่อป้องกันใบไหม้และลดความขม
- การรดน้ำ รดน้ำให้สม่ำเสมอและเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง ดินควรชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่แฉะ การขาดน้ำอาจทำให้ใบมีรสขมและเนื้อสัมผัสกระด้าง
- การให้ปุ๋ย
- สามารถบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือปุ๋ยเคมีที่มีไนโตรเจนสูงเล็กน้อย (เช่น สูตร 15-15-15 หรือ 21-0-0) ในปริมาณน้อยๆ ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบ
- ศัตรูพืชและโรค คอยสำรวจและป้องกันศัตรูพืช เช่น เพลี้ย หนอน และโรคเชื้อรา โดยใช้วิธีธรรมชาติหรือสารชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัย
6. การเก็บเกี่ยว
เรดบัตเตอร์เฮดสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 45-60 วันหลังย้ายกล้า หรือเมื่อพุ่มใบโตเต็มที่ตามต้องการ
- วิธีเก็บเกี่ยว
- เก็บทั้งต้น ตัดโคนต้นที่ระดับผิวดิน
- เก็บเป็นใบ ค่อยๆ เด็ดใบนอกที่โตเต็มที่ออกไปใช้ทีละใบ เพื่อให้ใบน้อยได้เจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะช่วยยืดอายุการเก็บเกี่ยวได้