เซอเลอรี่ 200 เมล็ด
เซอเลอรี่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Apium graveolens L.) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ขึ้นฉ่ายฝรั่ง” เป็นพืชล้มลุกสองปีหรือยืนต้นในวงศ์ Apiaceae (ตระกูลเดียวกับแครอท พาร์สลีย์ และผักชี) มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนและตะวันออกกลาง เป็นผักที่นิยมบริโภคกันทั่วโลก โดยเฉพาะส่วนของก้านใบอวบน้ำที่มีความกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และรสชาติออกเค็มเล็กน้อยถึงเป็นกลาง ส่วนใบก็สามารถนำมารับประทานได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีก้านใบที่ใหญ่ อวบ และไม่เหนียว เพื่อให้เหมาะกับการบริโภคสดหรือนำไปประกอบอาหารหลากหลายเมนู
คุณสมบัติ
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น มีลำต้นสั้นอยู่ใต้ดิน เหนือดินจะเป็นก้านใบรวมกันเป็นพุ่มแน่น
- ก้านใบ อวบน้ำ มีร่องตามความยาวของก้าน สีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม มีความกรอบ
- ใบ ใบประกอบแบบขนนก 3 แฉก หรือมากกว่า ขอบใบหยักฟันเลื่อย สีเขียวเข้ม
- ราก ระบบรากแผ่กระจายใกล้ผิวดิน
- รสชาติและกลิ่น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสชาติออกเค็มเล็กน้อย หรือจืดกรอบ
- เนื้อสัมผัส ก้านใบมีความกรอบ ฉ่ำน้ำ
- อายุปลูก โดยทั่วไปประมาณ 90-120 วันหลังย้ายกล้า
- สภาพแวดล้อมที่ชอบ ชอบอากาศเย็นถึงปานกลาง (อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส) ดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี อุดมสมบูรณ์ และมีแสงแดดเต็มที่
- การบริโภค นิยมรับประทานสด ทำสลัด คั้นน้ำ ผัด หรือใส่ในซุปและสตู
ประโยชน์ของเซอเลอรี่
- ใยอาหารสูง มีใยอาหารทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- วิตามินเคสูง จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพกระดูก
- วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ
- โพแทสเซียม ช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ และสนับสนุนการทำงานของหัวใจและกล้ามเนื้อ
- โฟเลต (วิตามินบี 9) สำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่และการแบ่งเซลล์
- สารต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟลาโวนอยด์ (โดยเฉพาะ Apigenin และ Luteolin) และสารประกอบฟีนอลิก ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคเรื้อรัง
- สารต้านการอักเสบ สาร Apigenin และ Luteolin ในเซอเลอรี่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
- ฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ช่วยขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย ลดอาการบวมน้ำ
- แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีแคลอรี่ต่ำมากและให้ความรู้สึกอิ่ม
วิธีการปลูก
-
การเตรียมเมล็ดและวัสดุปลูก
- เมล็ดพันธุ์ หาซื้อเมล็ดพันธุ์เซอเลอรี่จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
- วัสดุเพาะเมล็ด ใช้พีทมอส หรือวัสดุเพาะเมล็ดที่มีเนื้อละเอียด โปร่ง ระบายน้ำได้ดี และปราศจากเชื้อโรค
- ถาดเพาะกล้า/กระถางเพาะ ควรใช้ถาดเพาะกล้าที่มีช่องเล็กๆ หรือกระถางขนาดเล็กสำหรับเพาะเมล็ดก่อน
- กระถาง/แปลงปลูก สำหรับการปลูกจริง ควรเป็นกระถางขนาดใหญ่พอสมควร (ลึกประมาณ 20-30 ซม. และกว้าง) หรือแปลงปลูกที่มีดินร่วนซุย อุดมสมบูรณ์
2. การเพาะเมล็ด (สำคัญมาก)
- การแช่เมล็ด (Optional แต่แนะนำ): แช่เมล็ดในน้ำอุ่นประมาณ 12-24 ชั่วโมง เพื่อช่วยกระตุ้นการงอก
- การปลูก
- หว่านเมล็ด เนื่องจากเมล็ดเซอเลอรี่มีขนาดเล็กมาก ให้หว่านเมล็ดลงบนผิวหน้าวัสดุเพาะ (ไม่ต้องกลบดิน) หรือกลบด้วยวัสดุเพาะบางเบามากๆ เพียงแค่ให้เมล็ดสัมผัสกับความชื้น
- รักษาความชื้น พ่นละอองน้ำเบาๆ ให้วัสดุเพาะชุ่มชื้นตลอดเวลา และควรคลุมด้วยพลาสติกใสหรือฝาครอบเพื่อรักษาความชื้นและอุณหภูมิให้คงที่
- แสงสว่าง เมล็ดเซอเลอรี่บางพันธุ์ต้องการแสงเพื่อการงอก (light germinator) จึงไม่ควรกกลบเมล็ดหนาเกินไป
- อุณหภูมิ อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการงอกคือประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส การงอกอาจใช้เวลานานถึง 2-3 สัปดาห์
3. การดูแลต้นกล้า
- แสงสว่าง เมื่อเมล็ดงอก ควรให้แสงสว่างเพียงพอ แต่หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดโดยตรงในช่วงแรก
- การรดน้ำ รดน้ำอย่างระมัดระวังด้วยสเปรย์ฝอยละเอียด เพื่อไม่ให้ต้นกล้าเล็กๆ ล้ม
- การย้ายกล้า เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ และแข็งแรงพอ (สูงประมาณ 5-10 ซม.) จึงค่อยย้ายไปปลูกลงกระถางเดี่ยวหรือแปลงปลูกถาวร
4. การเตรียมดินและการปลูกจริง
- ดินปลูก ดินควรเป็นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี มีค่า pH 6.0-7.0 (เป็นกลาง) และอุดมสมบูรณ์มาก ควรผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยอินทรีย์อื่นๆ ในปริมาณมาก
- การย้ายปลูก
- ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดเท่ากับรากของต้นกล้า
- ปลูกโดยให้ระดับดินเท่ากับระดับเดิมที่ต้นกล้าเคยอยู่ ระวังอย่าฝังส่วนยอดหรือส่วนกลางของต้นกล้าลงไปในดินลึกเกินไป เพราะจะทำให้เน่าได้ง่าย
- เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- รดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังย้ายปลูก
5. การดูแลรักษา
- แสงแดด เซอเลอรี่ต้องการแสงแดดเต็มที่ (อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน) เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี
- การรดน้ำ สำคัญมาก! เซอเลอรี่ต้องการน้ำมากและสม่ำเสมอ ดินควรชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่แฉะ เพราะหากดินแห้งหรือได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ก้านใบเหนียวและมีรสขม
- การให้ปุ๋ย
- ควรบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน (เช่น สูตร 15-15-15) เป็นประจำทุก 2-3 สัปดาห์
- เซอเลอรี่ต้องการธาตุโบรอน (Boron) หากขาดอาจทำให้ก้านใบเป็นสีน้ำตาลและแตกได้
- การทำ White/Blanching (เสริม) ในบางสายพันธุ์ การพูนดินกลบก้านใบ หรือห่อหุ้มก้านใบด้วยกระดาษแข็ง/พลาสติกสีดำในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว จะช่วยให้ก้านใบมีสีอ่อนลง (ขาวขึ้น) และมีรสชาตินุ่มนวลขึ้น
- ศัตรูพืชและโรค คอยสำรวจและป้องกันศัตรูพืช เช่น เพลี้ย หนอน และโรคพืชที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้วิธีธรรมชาติหรือสารชีวภัณฑ์
6. การเก็บเกี่ยว
- เซอเลอรี่สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นโตเต็มที่ ก้านใบอวบอ้วนและแข็งแรงพอ ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 90-120 วันหลังย้ายกล้า
- วิธีเก็บเกี่ยว
- เก็บทั้งต้น ตัดโคนต้นที่ระดับผิวดิน
- เก็บเป็นก้าน สามารถเลือกตัดก้านใบด้านนอกที่โตเต็มที่ออกไปใช้ทีละก้านได้ เพื่อให้ก้านใบด้านในได้เจริญเติบโตต่อไป