เมล็ดพันธุ์ ผักสลัดแก้วไอซ์เบิร์กสีแดง

30 ฿

  • จำนวน 100 เมล็ด
  • วิตามิน A (ในรูปเบต้าแคโรทีน) โดยเฉพาะในผักสลัดใบแดงจะมีสูงกว่าไอซ์เบิร์ก ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ รวมถึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • โฟเลต (กรดโฟลิก) สำคัญสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงและพัฒนาการของเซลล์
  • แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ผักสลัดแก้วไอซ์เบิร์กสีแดง 100 เมล็ด

ผักสลัดแก้วไอซ์เบิร์กสีแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lactuca sativa var. capitata) มีลักษณะจับตัวกันเป็นก้อนกลมคล้ายหัวกะหล่ำปลี เนื้อสัมผัสกรอบ ผักสลัดแก้วไอซ์เบิร์กสีแดงจะมีลักษณะคล้ายไอซ์เบิร์กแต่มีสีแดง เป็นผักสลัดอีกกลุ่มหนึ่งที่มีลักษณะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ (เช่น ใบหยัก ใบกลมเป็นพุ่ม หรือใบยาว) แต่มีจุดเด่นร่วมกันคือมีใบที่มีสีแดง ม่วง หรือแดงอมเขียว สารสีแดงเหล่านี้คือแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสชาติหลากหลาย ตั้งแต่กรอบอ่อนๆ ไปจนถึงนุ่มและมีรสขมเล็กน้อย

คุณสมบัติ

  • สี แดง, ม่วง, แดงอมเขียว (สีเข้มกว่าไอซ์เบิร์ก)
  • ลักษณะ หลากหลายตามสายพันธุ์ (เช่น ใบหยักเป็นพุ่ม, ใบกลมเป็นหัวหลวมๆ, ใบยาว)
  • เนื้อสัมผัส มีตั้งแต่กรอบ (เช่น เรดคอรัล) ไปจนถึงนุ่ม (เช่น เรดบัตเตอร์เฮด)
  • รสชาติ อ่อนนุ่ม ไม่ขมมากไปจนถึงมีรสขมเล็กน้อย
  • สารสี มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้สีแดงม่วง

ประโยชน์ของผักสลัดแก้วไอซ์เบิร์กสีแดง

  1. วิตามิน K สูง ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูก
  2. วิตามิน A (ในรูปเบต้าแคโรทีน) โดยเฉพาะในผักสลัดใบแดงจะมีสูงกว่าไอซ์เบิร์ก ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ รวมถึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  3. วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  4. โฟเลต (กรดโฟลิก) สำคัญสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงและพัฒนาการของเซลล์
  5. ใยอาหาร ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดี ป้องกันท้องผูก
  6. สารต้านอนุมูลอิสระ
    • ในผักสลัดใบแดง มีสารแอนโธไซยานินสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ลดการอักเสบ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง
    • ในผักสลัดแก้ว มีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าผักสลัดใบแดง
  7. แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  8. มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน
    • ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ประมาณ 6.0-7.0 (เป็นกลาง)
    • เตรียมดินโดยการพรวนดิน ตากดิน และใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
  2. การเพาะเมล็ด
    • เพาะในถาดเพาะ/กระถางเล็ก โรยเมล็ดบางๆ บนวัสดุเพาะที่ร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี กลบด้วยดินบางๆ หรือเวอร์มิคูไลท์ (vermiculite)
    • รดน้ำ รดน้ำด้วยสเปรย์เบาๆ ให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่แฉะ
    • อุณหภูมิ ผักสลัดชอบอุณหภูมิเย็นถึงปานกลางสำหรับการงอก (ประมาณ 15-20°C) หากอากาศร้อนเกินไป เมล็ดอาจจะงอกยาก
    • การงอก เมล็ดจะเริ่มงอกภายใน 3-7 วัน
  3. การย้ายกล้า
    • เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ หรือสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร ลำต้นแข็งแรงพอ สามารถย้ายปลูกลงแปลงหรือกระถางที่ใหญ่ขึ้นได้
    • ควรรดน้ำต้นกล้าให้ชุ่มก่อนย้าย และย้ายในช่วงเย็นเพื่อลดการคายน้ำ
  4. ระยะปลูก
    • สำหรับผักสลัดแก้ว (Iceberg) เนื่องจากเป็นหัวกลมใหญ่ ควรเว้นระยะห่างประมาณ 25-30 เซนติเมตรต่อต้น
    • สำหรับผักสลัดใบแดง (พุ่ม/ใบหยัก) เว้นระยะห่างประมาณ 15-25 เซนติเมตรต่อต้น ขึ้นอยู่กับขนาดของพุ่ม
  5. การดูแลรักษา
    • แสงแดด ผักสลัดต้องการแสงแดดอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี แต่ในสภาพอากาศร้อนจัด อาจต้องการร่มเงาบางส่วนในช่วงบ่ายเพื่อป้องกันใบไหม้และลดรสขม
    • การรดน้ำ รดน้ำให้สม่ำเสมอทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเช้า ดินควรรักษาความชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่แฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าและเกิดโรคได้
    • การให้ปุ๋ย
      • สามารถใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยน้ำหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก
      • หากใช้ปุ๋ยเคมี สามารถใช้ปุ๋ยไนโตรเจนสูงเล็กน้อย (เช่น ปุ๋ยสูตร 15-15-15) หรือปุ๋ยสำหรับผักใบ
    • การกำจัดวัชพืช ควรรักษาแปลงปลูกให้ปราศจากวัชพืช เพื่อลดการแย่งอาหารและน้ำ
    • การจัดการศัตรูพืชและโรค ผักสลัดมักมีปัญหาเรื่องเพลี้ยอ่อน หนอนใยผัก และโรคราน้ำค้าง ควรหมั่นสำรวจและป้องกันกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม
  6. การเก็บเกี่ยว
    • ผักสลัดแก้ว (Iceberg) เก็บเกี่ยวเมื่อหัวสลัดจับตัวกันแน่นและมีขนาดตามต้องการ (ประมาณ 60-90 วันหลังย้ายกล้า)
    • ผักสลัดใบแดง (Red Varieties) สามารถเริ่มเก็บใบนอกออกมารับประทานได้เมื่อต้นโตพอสมควร (ประมาณ 30-45 วันหลังย้ายกล้า) หรือเก็บทั้งต้นเมื่อโตเต็มที่