เมล็ดพันธุ์ บวบเหลี่ยม 30 เมล็ด
บวบเหลี่ยม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Luffa acutangula) เป็นไม้เถาเลื้อยในวงศ์ Fabaceae (วงศ์ถั่ว) มีลักษณะเด่นคือผลจะมีสันเป็นครีบสี่เหลี่ยมรอบผลอย่างชัดเจน เมื่อผลอ่อนจะมีสีเขียว เนื้อนุ่ม มีรสชาติคล้ายถั่วลันเตาเล็กน้อย สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู นอกจากผลแล้ว ส่วนอื่นๆ ของบวบเหลี่ยม เช่น ใบอ่อน ดอก และหัวใต้ดิน ก็สามารถนำมารับประทานได้เช่นกัน บวบเหลี่ยมมีดอกสีฟ้าม่วงสวยงาม และมีระบบรากปมที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้
คุณสมบัติ
- ผลอ่อน
- มีโปรตีนสูง สูงกว่าผักชนิดอื่นๆ
- มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย
- มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียม เหล็ก และโพแทสเซียม
- มีไขมัน เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ดีต่อสุขภาพ
- ใบอ่อน
- มีโปรตีน ในปริมาณที่น่าสนใจ
- มีวิตามินและแร่ธาตุ คล้ายกับผลอ่อน
- ดอก
- มีโปรตีน เล็กน้อย
- มีวิตามินและแร่ธาตุ ในปริมาณน้อย
- หัวใต้ดิน
- มีโปรตีนสูง ใกล้เคียงกับถั่วเหลือง
- มีคาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงาน
- มีไขมัน เป็นไขมันไม่อิ่มตัว
ประโยชน์ของบวบเหลี่ยม
- เป็นแหล่งโปรตีน ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย ใยอาหารสูงช่วยป้องกันอาการท้องผูก
- บำรุงสายตา วิตามินเอในบวบเหลี่ยมมีส่วนช่วยในการมองเห็น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- บำรุงกระดูกและฟัน แคลเซียมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
- ป้องกันภาวะโลหิตจาง ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
- ควบคุมความดันโลหิต โพแทสเซียมช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและความดันโลหิต
- เป็นแหล่งไขมันดี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยตรึงไนโตรเจนในดิน เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงดินและลดการใช้ปุ๋ยเคมี
วิธีการปลูก
-
การเตรียมดิน
- เลือกพื้นที่ปลูกที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร กำจัดวัชพืชออกให้หมด
- ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตราที่เหมาะสม
- ขุดหลุมปลูกให้มีระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 50-75 เซนติเมตร และระหว่างแถวประมาณ 1-1.5 เมตร
-
การเพาะเมล็ด
- นำเมล็ดบวบเหลี่ยมแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการงอก
- หยอดเมล็ดลงในหลุมปลูกประมาณ 2-3 เมล็ดต่อหลุม กลบดินบางๆ ประมาณ 2-3 เซนติเมตร
- รดน้ำให้ชุ่ม
-
การดูแลรักษา
- การให้น้ำ รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและช่วงติดฝัก ควรรักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
- การใส่ปุ๋ย หลังจากต้นกล้ามีใบจริง 3-4 ใบ สามารถใส่ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงเพื่อบำรุงต้น และเมื่อเริ่มออกดอกและติดฝัก ให้เปลี่ยนเป็นปุ๋ยที่มีธาตุฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงขึ้นเล็กน้อย
- การทำค้างหรือร้าน เมื่อต้นเริ่มเลื้อย ควรทำค้างหรือร้านให้เถาบวบเกาะ โดยอาจใช้ไม้ไผ่ ตาข่าย หรือลวดขึง
- การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
- การเด็ดยอด สามารถเด็ดยอดเพื่อกระตุ้นการแตกแขนงและเพิ่มจำนวนฝัก
-
การเก็บเกี่ยว
- ผลอ่อน สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อฝักมีขนาดตามต้องการ (ประมาณ 15-25 เซนติเมตร) และยังอ่อนนุ่ม สังเกตจากสันเหลี่ยมที่ยังไม่แข็งกระด้าง
- ใบอ่อนและดอก สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีปริมาณมากพอ
- หัวใต้ดิน จะเก็บเกี่ยวเมื่อต้นมีอายุประมาณ 6-8 เดือน หรือเมื่อใบเริ่มเหลืองและร่วง