ผงดำ โดย ชีวิต ชีวา ฟาร์ม นวัตกรรมอาหารเสริมพืชอินทรีย์ เพื่อเกษตรกรไทย
ในยุคที่เกษตรกรต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น “ผงดำชีวิตชีวาฟาร์ม” คือคำตอบสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน ด้วยสูตรพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ
ทำความรู้จักกับผงดำชีวิตชีวาฟาร์ม
ผงดำชีวิตชีวาฟาร์มเป็นอาหารเสริมพืชที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% สามารถใช้ได้ทั้งการฉีดพ่นทางใบและราก เหมาะสำหรับพืชทุกชนิด โดยเฉพาะพืชที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มผลผลิต
ขนาดบรรจุและอัตราการใช้
ผลิตภัณฑ์มีให้เลือก 2 ขนาด
- ขนาด 2 กรัม
 
- ผสมน้ำ 20 ลิตร
 - ครอบคลุมพื้นที่ 1 ไร่
 
- ขนาด 5 กรัม
 
- ผสมน้ำ 50 ลิตร
 - ครอบคลุมพื้นที่ 2.5 ไร่
 
ประโยชน์ที่โดดเด่นของผงดำชีวิตชีวาฟาร์ม
การปรับปรุงคุณภาพดิน
- ปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช
 - เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์
 - ทำให้ดินร่วนซุย ระบบรากพืชแข็งแรง
 
การเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร
- เปิดรูรับอาหารของพืช
 - เพิ่มความสามารถในการดูดซับธาตุอาหาร
 - กระตุ้นการสังเคราะห์แสง
 
การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ
- กระตุ้นการสะสมแป้ง เหมาะสำหรับพืชหัว
 - เพิ่มน้ำหนักผลผลิต
 - ผลผลิตมีคุณภาพสูง ขายได้ราคาดี
 
วิธีการใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
การเตรียมสารละลาย
- ตวงน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนด
 - เทผงดำลงในน้ำ คนให้ละลายสม่ำเสมอ
 - กรองก่อนใส่ถังฉีดพ่น
 
การใช้งาน
- ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น
 - หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขณะแดดจัด
 - ควรฉีดพ่นให้ทั่วทั้งใบและโคนต้น
 
ข้อดีที่เกษตรกรจะได้รับ
ด้านเศรษฐกิจ
- ลดต้นทุนการผลิต
 - เพิ่มผลผลิตต่อไร่
 - ผลผลิตมีคุณภาพ ขายได้ราคาดี
 
ด้านการเกษตร
- ฟื้นฟูสภาพดิน
 - พืชแข็งแรง ทนทานต่อโรค
 - ระบบรากแข็งแรง
 
ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค
 - เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 - ส่งเสริมระบบเกษตรอินทรีย์
 
คำแนะนำในการใช้งาน
- การเตรียมแปลง
 
- ควรปรับสภาพดินก่อนปลูก
 - ฉีดพ่นก่อนการเพาะปลูก 7-10 วัน
 
- ระหว่างการเจริญเติบโต
 
- ฉีดพ่นทุก 15-20 วัน
 - สังเกตการตอบสนองของพืช
 
- ช่วงติดดอกออกผล
 
- เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น
 - ดูแลควบคู่กับการให้น้ำอย่างเหมาะสม
 
สรุป
ผงดำชีวิตชีวาฟาร์มเป็นนวัตกรรมอาหารเสริมพืชที่ตอบโจทย์เกษตรกรไทย ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุมทั้งการปรับปรุงดิน เพิ่มผลผลิต และความปลอดภัย ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์ในยุคปัจจุบัน












