เมล็ดพันธุ์ ผักกาดหัวแดง

30 ฿

  • จำนวน 80 เมล็ด
  • มีโพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิต
  • เป็นแหล่งวิตามินซีช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (ตามตำรายาพื้นบ้าน)
  • สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย

เมล็ดพันธุ์ ผักกาดหัวแดง 80 เมล็ด

ผักกาดหัวแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Raphanus sativus)มีลักษณะเด่นคือ ส่วนหัวใต้ดินมีสีแดงสดใส ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากหัวผักกาดขาวที่เราคุ้นเคยกันดี ลักษณะทั่วไปเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นสั้นอยู่เหนือดิน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีขนอ่อน ดอกออกเป็นช่อ มีดอกย่อยสีขาว ม่วง หรือชมพู หัวใต้ดินเป็นส่วนสะสมอาหาร มีรูปร่างกลม แบน หรือยาวรี ผิวมีสีแดงสด เนื้อภายในส่วนใหญ่มีสีขาว กรอบ และมีรสชาติเผ็ดซ่าเล็กน้อยถึงเผ็ดร้อน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ อาจมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่น เช่น หัวผักกาดแดง แรดิช (Radish – ชื่อภาษาอังกฤษ)

คุณสมบัติ

  • ลักษณะภายนอกโดดเด่น หัวใต้ดินมีสีแดงสดใส เป็นเอกลักษณ์
  • รสชาติเผ็ดซ่า มีรสชาติเผ็ดซ่าเล็กน้อยถึงเผ็ดร้อน
  • เนื้อสัมผัส เนื้อกรอบ ฉ่ำน้ำ
  • คุณค่าทางโภชนาการ มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินซี โพแทสเซียม โฟเลต และใยอาหาร รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
  • เจริญเติบโตเร็ว เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ค่อนข้างเร็ว

ประโยชน์ของผักกาดหัวแดง

  1. บริโภคสด นิยมรับประทานสดในสลัด ยำ หรือเป็นเครื่องเคียง ช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดซ่าและสีสันให้กับอาหาร
  2. ประกอบอาหาร สามารถนำไปผัด ดอง หรือใส่ในซุปได้
  3. เป็นแหล่งวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  4. มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
  5. ใยอาหารสูง ช่วยในระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
  6. สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย
  7. มีฤทธิ์ขับลม ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (ตามตำรายาพื้นบ้าน)

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน

    • เลือกพื้นที่ปลูกที่ดินร่วน โปร่ง ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ประมาณ 6.0-7.0
    • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ตากดินไว้ 3-5 วัน
    • ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว อัตรา 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ
  2. การเพาะเมล็ด

    • ผักกาดหัวแดงนิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ดโดยตรงลงแปลง
    • หว่านเมล็ดเป็นแถว โดยมีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 15-20 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 5-10 เซนติเมตร
    • หยอดเมล็ดประมาณ 2-3 เมล็ดต่อหลุม กลบเมล็ดด้วยดินบาง ๆ ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร
    • รดน้ำให้ชุ่มด้วยฝักบัวละเอียด
  3. การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชื้นสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการงอกและช่วงที่หัวกำลังเจริญเติบโต
    • การพรวนดินและกำจัดวัชพืช: พรวนดินเบา ๆ รอบโคนต้น และกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
    • การถอนแยก: เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนแยกต้นที่อ่อนแอหรือขึ้นถี่เกินไป เหลือระยะห่างตามที่กำหนด
    • การให้ปุ๋ย: โดยทั่วไปผักกาดหัวแดงไม่ต้องการปุ๋ยมากนัก หากดินไม่ดีอาจให้ปุ๋ยสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณเล็กน้อยในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ควรหลีกเลี่ยงปุ๋ยไนโตรเจนสูง เพราะจะทำให้ใบงามแต่หัวไม่โต
    • การคลุมดิน (Optional): อาจคลุมดินด้วยฟางหรือวัสดุคลุมดินอื่น ๆ เพื่อรักษาความชื้นและลดการขึ้นของวัชพืช
  4. การเก็บเกี่ยว

    • ผักกาดหัวแดงเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็ว สามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 25-40 วัน หลังการเพาะเมล็ด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดที่ต้องการ
    • สังเกตจากขนาดของหัวผักกาดที่ได้ตามต้องการ โดยทั่วไปจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-5 เซนติเมตร
    • ใช้มือดึงที่โคนต้นเบา ๆ หรือใช้เสียมแซะดินรอบ ๆ แล้วดึงขึ้น ควรเก็บเกี่ยวเมื่อหัวยังอ่อนและไม่แตก หากปล่อยไว้นานเกินไป หัวอาจแข็งและมีรสชาติเผ็ดจัด