เมล็ดพันธุ์ มะสัง

30 ฿

  • จำนวน 35 เมล็ด
  • ผลสุกสามารถนำมารับประทานสดได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน
  • ผล ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงกำลัง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
  • เปลือกต้น ช่วยสมานแผล ห้ามเลือด
  • ราก ช่วยขับปัสสาวะ

เมล็ดพันธุ์ มะสัง 35 เมล็ด

มะสัง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Feronia limonia (L.) Swingle) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางในวงศ์ Rutaceae (วงศ์ส้ม) มีลักษณะเด่นคือมีเปลือกต้นที่แข็งกระด้างคล้ายกระดาษทราย และผลกลมแข็งที่มีเนื้อในสีน้ำตาลคล้ำ

  • ลำต้น เป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 10-15 เมตร ลำต้นมีหนามแหลม เปลือกต้นหนา สีเทาอ่อน แตกเป็นร่องลึกและมีปุ่มปมคล้ายกระดาษทราย
  • ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3-7 ใบ ออกเรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่หรือรูปรี ปลายใบมนหรือหยักเล็กน้อย ขอบใบจักฟันเลื่อยเล็กน้อย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อขยี้
  • ดอก ออกเป็นช่อเล็กๆ ตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีเขียวอ่อนหรือสีขาวอมเขียว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
  • ผล เป็นผลสด ทรงกลม เปลือกแข็ง สีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ เนื้อในผลเป็นเยื่อสีน้ำตาลคล้ำ มีรสเปรี้ยวอมหวาน มีเมล็ดแบนสีขาวจำนวนมาก

คุณสมบัติ

มะสังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ

  • ความทนทาน เป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งและดินที่ไม่สมบูรณ์ได้ดี
  • เนื้อไม้แข็งแรง เนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทานต่อปลวก มอด
  • สรรพคุณทางยา ส่วนต่างๆ ของมะสังถูกนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณ เช่น
    • ผล ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงกำลัง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
    • เปลือกต้น ช่วยสมานแผล ห้ามเลือด
    • ใบ ใช้ตำพอกแก้แมลงกัดต่อย
    • ราก ช่วยขับปัสสาวะ
  • มีวิตามินและแร่ธาตุ เนื้อในผลมีวิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส

ประโยชน์ของมะสัง

  1. เป็นอาหาร ผลสุกสามารถนำมารับประทานสดได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน หรือนำไปทำน้ำผลไม้ แยม เยลลี่ หรือเครื่องดื่มต่างๆ
  2. ใช้ในงานไม้ เนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องมือทางการเกษตร หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องการความสวยงามมากนัก
  3. สมุนไพร ตามที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนต่างๆ ของมะสังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบรรเทาอาการและรักษาโรคต่างๆ ได้
  4. ไม้ประดับ บางครั้งมีการปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากมีทรงพุ่มสวยงามและให้ร่มเงาได้ดี
  5. ใช้ในพิธีกรรม ในบางท้องถิ่นมีการนำใบและกิ่งของมะสังมาใช้ในพิธีกรรมต่างๆ

วิธีการปลูก

การปลูกมะสังสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่นิยมคือการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง:

  1. การเพาะเมล็ด

    1. เตรียมเมล็ด เลือกเก็บผลที่สุกเต็มที่ นำมาแกะเอาเนื้อออก ล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง
    2. เพาะกล้า เตรียมดินร่วนผสมทรายและอินทรียวัตถุ ใส่ในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะ หว่านเมล็ดลงไป กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
    3. ดูแลต้นกล้า รดน้ำสม่ำเสมอ ให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้น หรือลงแปลงปลูกได้
    4. เตรียมดินปลูก เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดเต็มที่ ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    5. ย้ายกล้า นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และหาไม้มาปักค้ำยันป้องกันลมโยกในช่วงแรก
  2. การตอนกิ่ง

    1. เลือกกิ่ง เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป
    2. ควั่นกิ่ง ควั่นเปลือกกิ่งออกเป็นวงกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร
    3. พอกตุ้มตอน นำดินร่วนผสมขุยมะพร้าวและน้ำ พอกบริเวณที่ควั่นให้หนาพอสมควร หุ้มด้วยพลาสติกใส มัดหัวท้ายให้แน่น
    4. ดูแลตุ้มตอน รดน้ำให้ตุ้มตอนมีความชื้นอยู่เสมอ ประมาณ 1-2 เดือน รากจะงอกออกมา
    5. ตัดกิ่งตอน เมื่อรากงอกแข็งแรงดีแล้ว ให้ตัดกิ่งตอนลงปลูกในกระถางหรือแปลงที่เตรียมไว้
  3. การดูแลรักษา
    1. การให้น้ำ มะสังเป็นไม้ที่ทนแล้งได้ดี แต่ในช่วงแรกที่ปลูกควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้นโตแล้วสามารถให้น้ำน้อยลงได้ แต่ควรรดน้ำในช่วงฤดูแล้ง
    2. การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ปีละ 2-3 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้แข็งแรงและมีผลดก
    3. การกำจัดวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชรอบๆ โคนต้นอย่างสม่ำเสมอ
    4. การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้ง เป็นโรค หรือกิ่งที่แน่นทึบเกินไป เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่งและแสงแดดส่องถึง