เมล็ดพันธุ์ ผักโขมอินเดีย 60 เมล็ด
ผักโขมอินเดีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Spinacia oleracea) โดยทั่วไปหมายถึง ผักปวยเล้ง ซึ่งเป็นผักโขมชนิดเดียวกับที่เราเรียกว่า “ผักโขมบ้าน” หรือ “ผักโขมเขียว” นั่นเอง ผักโขมอินเดียเป็นผักโขมมีต้นกำเนิดในแถบเปอร์เซียและถูกนำเข้าไปในอินเดียตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารอินเดียหลากหลายชนิด
คุณสมบัติ
- ลักษณะ
- ใบสีเขียวสด อาจมีลักษณะเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- รสชาติ
- มีรสชาติหวานเล็กน้อยและมีกลิ่นเฉพาะตัว
- เนื้อสัมผัส
- ใบมีความนุ่ม เมื่อนำไปปรุงสุกจะยุบตัวลง
- คุณค่าทางโภชนาการสูง
- เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินเค, กรดโฟลิก, ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม, และใยอาหาร
ประโยชน์ของผักโขมอินเดีย
- บำรุงสายตา
- มีวิตามินเอและสารต้านอนุมูลอิสระ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ
- บำรุงกระดูก
- มีวิตามินเค แคลเซียม และแมกนีเซียม
- ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- มีธาตุเหล็กสูง
- ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
- มีโพแทสเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระ
- ส่งเสริมระบบขับถ่าย
- มีใยอาหารสูง
- มีสารต้านมะเร็ง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด
- บำรุงผิวพรรณ
- วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณสดใส
- ส่งเสริมการทำงานของสมอง
- สารอาหารบางชนิดอาจมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- เลือกดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ไถพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- การเพาะเมล็ด
- สามารถเพาะเมล็ดโดยตรงลงในแปลง หรือเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกก็ได้
- การหว่านหรือปลูก
- รักษาระยะห่างระหว่างต้นและแถวให้เหมาะสม
- การให้น้ำ
- รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง
- แสงแดด
- ชอบแสงแดดเต็มที่ แต่ก็สามารถเจริญเติบโตได้ในที่ร่มรำไร
- การให้ปุ๋ย
- สามารถให้ปุ๋ยเพิ่มเติมได้เมื่อต้นเริ่มเจริญเติบโต
- การกำจัดวัชพืชและแมลง
- ดูแลแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
- การเก็บเกี่ยว
- เก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุประมาณ 40-60 วัน หลังหยอดเมล็ด