เมล็ดพันธุ์ พิลังกาสา

30 ฿

  • จำนวน 20 เมล็ด
  • ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี
  • ราก ใช้ต้มดื่มแก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องเสีย
  • ใบ ใช้ตำพอกแผล
  • ผลมีรสเปรี้ยวฝาด ใช้รับประทานได้เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ

เมล็ดพันธุ์ พิลังกาสา 20 เมล็ด

พิลังกาสา (ชื่อวิทยาศาสตร์: Ardisia elliptica Thunb) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีลักษณะเด่นคือมีผลสีแดงสดใสคล้ายลูกปัดครับ โดยทั่วไปมีรายละเอียดดังนี้

  • ลำต้น เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1-5 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านจำนวนมาก เปลือกต้นสีน้ำตาล
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรีหรือรูปไข่กลับ ขอบใบหยักเล็กน้อยหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบสอบ เนื้อใบค่อนข้างหนา สีเขียวเข้มเป็นมัน
  • ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพูอ่อน กลีบดอก 5 กลีบ เกสรสีเหลือง
  • ผล เป็นผลสดแบบมีเนื้อ ทรงกลมขนาดเล็ก เมื่อสุกจะมีสีแดงสดใส เป็นมัน สวยงาม ติดผลเป็นพวงจำนวนมาก

คุณสมบัติ

พิลังกาสามีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ

  • ความสวยงาม ผลสีแดงสดใสเป็นจุดเด่นที่ทำให้พิลังกาสาเป็นไม้ประดับที่สวยงาม
  • ความทนทาน เป็นไม้ที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ทั้งแสงแดดรำไรและแสงแดดจัด
  • สรรพคุณทางยา (ตามตำรายาพื้นบ้าน)
    • ราก ใช้ต้มดื่มแก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องเสีย
    • ใบ ใช้ตำพอกแผล
    • ผล มีรสเปรี้ยวฝาด ใช้รับประทานได้เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ
  • เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ ผลของพิลังกาสาเป็นอาหารของนกหลายชนิด ช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่

ประโยชน์ของพิลังกาสา

  1. ไม้ประดับ ด้วยผลสีแดงสดที่ติดทนนาน ทำให้พิลังกาสาเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมในการปลูกตามบ้านเรือน สวนสาธารณะ หรือปลูกเป็นไม้กระถางเพื่อความสวยงาม
  2. สมุนไพร ตามตำรายาพื้นบ้าน มีการนำส่วนต่างๆ ของพิลังกาสามาใช้ในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ไอ ท้องเสีย และแผล
  3. ส่งเสริมระบบนิเวศ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของนก ช่วยกระจายพันธุ์ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
  4. ใช้ในงานจัดสวน รูปทรงของต้นและสีสันของผลทำให้พิลังกาสาเป็นองค์ประกอบที่น่าสนใจในการจัดสวน

วิธีการปลูก

  1. การเพาะเมล็ด

    • เก็บเมล็ด เลือกเก็บผลที่สุกเต็มที่ มีสีแดงสด นำมาแกะเอาเนื้อออก ล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง
    • เพาะกล้า เตรียมดินร่วนผสมทรายและอินทรียวัตถุ ใส่ในกระถางเพาะหรือแปลงเพาะ หว่านเมล็ดลงไป กลบดินบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม
    • ดูแลต้นกล้า รดน้ำสม่ำเสมอ ให้ได้รับแสงแดดรำไร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 คู่ สามารถย้ายลงปลูกในกระถางที่ใหญ่ขึ้น หรือลงแปลงปลูกได้
    • เตรียมดินปลูก เลือกพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไรถึงแสงแดดจัด ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่กว่าตุ้มดินของต้นกล้าเล็กน้อย
    • ย้ายกล้า นำต้นกล้าลงปลูก กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
  2. การตอนกิ่ง

    1. เลือกกิ่ง เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนที่สมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป
    2. ควั่นกิ่ง ควั่นเปลือกกิ่งออกเป็นวงกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร
    3. พอกตุ้มตอน นำดินร่วนผสมขุยมะพร้าวและน้ำ พอกบริเวณที่ควั่นให้หนาพอสมควร หุ้มด้วยพลาสติกใส มัดหัวท้ายให้แน่น
    4. ดูแลตุ้มตอน รดน้ำให้ตุ้มตอนมีความชื้นอยู่เสมอ ประมาณ 1-2 เดือน รากจะงอกออกมา
    5. ตัดกิ่งตอน เมื่อรากงอกแข็งแรงดีแล้ว ให้ตัดกิ่งตอนลงปลูกในกระถางหรือแปลงที่เตรียมไว้
  3. การดูแลรักษา
    • การให้น้ำ พิลังกาสาชอบดินที่ชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ปลูกและในช่วงฤดูแล้ง
    • การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ปีละ 2-3 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นให้แข็งแรงและมีผลดก
    • การตัดแต่งกิ่ง ตัดแต่งกิ่งที่แห้ง เป็นโรค หรือกิ่งที่แน่นทึบเกินไป เพื่อให้ทรงพุ่มสวยงามและแสงแดดส่องถึง
    • แสงแดด พิลังกาสาสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในที่มีแสงแดดรำไรและแสงแดดจัด แต่ถ้าปลูกในที่มีแสงแดดจัด ผลจะมีสีสดใสมากขึ้น