เมล็ดพันธุ์ ผักโขมแดง 800 เมล็ด
ผักโขมแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Amaranthus cruentus) ไม่ใช่ผักโขม (Spinacia oleracea) ที่เราคุ้นเคย แต่เป็นพืชในสกุล Amaranthus ซึ่งอยู่ในวงศ์ Amaranthaceae (วงศ์เดียวกับผักโขม, ผักโขมลาย, และผักโขมแก้ว) ลักษณะเด่นของผักโขมแดงคือ ลำต้นและใบมีสีแดงม่วงสดใส หรืออาจมีสีเขียวแซมแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และช่วงอายุของพืช บางสายพันธุ์อาจมีสีแดงเข้มจนเกือบดำ ผักโขมแดงมีขนาดและรูปร่างใบที่หลากหลาย แต่โดยทั่วไปจะมีใบเรียวรีคล้ายหอก
คุณสมบัติ
- ลักษณะเด่น
- ลำต้นและใบมีสีแดงม่วงสดใส หรือมีสีเขียวแซมแดง ทำให้มีสีสันสวยงาม
- รสชาติ
- มีรสชาติคล้ายผักโขมทั่วไป คือมีความหวานเล็กน้อยและมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่บางคนอาจรู้สึกว่ามีรสชาติเข้มข้นกว่าเล็กน้อย
- เนื้อสัมผัส
- ใบมีความนุ่ม เมื่อนำไปปรุงสุกจะยุบตัวลง
- คุณค่าทางโภชนาการสูง
- เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ประโยชน์ของผักโขมแดง
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- สีแดงม่วงในผักโขมแดงมาจากสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
- บำรุงสายตา
- มีวิตามินเอและสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งดีต่อสุขภาพของดวงตาและการมองเห็น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- วิตามินซีในผักโขมแดงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- บำรุงเลือด
- มีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
- บำรุงกระดูกและฟัน
- มีแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
- ดีต่อระบบขับถ่าย
- มีใยอาหารสูง ช่วยในการทำงานของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูก
- อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- สารต้านอนุมูลอิสระและโพแทสเซียมในผักโขมแดงอาจมีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
- มีศักยภาพในการต้านการอักเสบ
- สารประกอบบางชนิดในผักโขมแดงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
วิธีการปลูก
- การเตรียมดิน
- ผักโขมแดงชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- การเพาะเมล็ด
- สามารถเพาะเมล็ดโดยตรงลงในแปลง หรือเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกก็ได้ เมล็ดผักโขมแดงมีขนาดเล็ก
- การหว่านหรือปลูก
- หากหว่านเมล็ดโดยตรง ให้หว่านเมล็ดกระจาย หรือโรยเป็นแถวแล้วกลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม หากเพาะกล้า ควรรอให้กล้ามีใบจริงประมาณ 2-3 ใบ แล้วจึงย้ายลงแปลง โดยมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
- การให้น้ำ
- ผักโขมแดงต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควรรดน้ำทุกวันในช่วงเช้าหรือเย็น โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง
- แสงแดด
- ผักโขมแดงชอบแสงแดดเต็มที่ ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
- การให้ปุ๋ย
- สามารถให้ปุ๋ยเพิ่มเติมได้เมื่อต้นเริ่มเจริญเติบโต โดยอาจเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณที่เหมาะสม
- การกำจัดวัชพืชและแมลง
- ดูแลแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ถอนวัชพืช และสังเกตการเข้าทำลายของแมลง หากพบปัญหา ควรจัดการด้วยวิธีธรรมชาติก่อน หากจำเป็นจึงใช้สารกำจัดแมลงที่ปลอดภัย
- การเก็บเกี่ยว
- ผักโขมแดงสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 30-60 วัน หลังหยอดเมล็ด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดที่ต้องการ สามารถเก็บเกี่ยวโดยการตัดทั้งต้น หรือเก็บเกี่ยวเฉพาะใบก็ได้