เมล็ดพันธุ์ ผักโขมแดง

30 ฿

  • จำนวน 800 เมล็ด
  • สารต้านอนุมูลอิสระและโพแทสเซียมในผักโขมแดงอาจมีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
  • สีแดงม่วงในผักโขมแดงมาจากสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
  • สารประกอบบางชนิดในผักโขมแดงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
  • มีวิตามินเอและสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งดีต่อสุขภาพของดวงตาและการมองเห็น

เมล็ดพันธุ์ ผักโขมแดง 800 เมล็ด

ผักโขมแดง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Amaranthus cruentus) ไม่ใช่ผักโขม (Spinacia oleracea) ที่เราคุ้นเคย แต่เป็นพืชในสกุล Amaranthus ซึ่งอยู่ในวงศ์ Amaranthaceae (วงศ์เดียวกับผักโขม, ผักโขมลาย, และผักโขมแก้ว) ลักษณะเด่นของผักโขมแดงคือ ลำต้นและใบมีสีแดงม่วงสดใส หรืออาจมีสีเขียวแซมแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และช่วงอายุของพืช บางสายพันธุ์อาจมีสีแดงเข้มจนเกือบดำ ผักโขมแดงมีขนาดและรูปร่างใบที่หลากหลาย แต่โดยทั่วไปจะมีใบเรียวรีคล้ายหอก

คุณสมบัติ

  • ลักษณะเด่น
    • ลำต้นและใบมีสีแดงม่วงสดใส หรือมีสีเขียวแซมแดง ทำให้มีสีสันสวยงาม
  • รสชาติ
    • มีรสชาติคล้ายผักโขมทั่วไป คือมีความหวานเล็กน้อยและมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่บางคนอาจรู้สึกว่ามีรสชาติเข้มข้นกว่าเล็กน้อย
  • เนื้อสัมผัส
    • ใบมีความนุ่ม เมื่อนำไปปรุงสุกจะยุบตัวลง
  • คุณค่าทางโภชนาการสูง
    • เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ประโยชน์ของผักโขมแดง

  1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
    • สีแดงม่วงในผักโขมแดงมาจากสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ
  2. บำรุงสายตา
    • มีวิตามินเอและสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งดีต่อสุขภาพของดวงตาและการมองเห็น
  3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
    • วิตามินซีในผักโขมแดงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
  4. บำรุงเลือด
    • มีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
  5. บำรุงกระดูกและฟัน
    • มีแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งมีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
  6. ดีต่อระบบขับถ่าย
    • มีใยอาหารสูง ช่วยในการทำงานของลำไส้และป้องกันอาการท้องผูก
  7. อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
    • สารต้านอนุมูลอิสระและโพแทสเซียมในผักโขมแดงอาจมีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
  8. มีศักยภาพในการต้านการอักเสบ
    • สารประกอบบางชนิดในผักโขมแดงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

วิธีการปลูก

  1. การเตรียมดิน
    • ผักโขมแดงชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ควรไถพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  2. การเพาะเมล็ด
    • สามารถเพาะเมล็ดโดยตรงลงในแปลง หรือเพาะกล้าก่อนย้ายปลูกก็ได้ เมล็ดผักโขมแดงมีขนาดเล็ก
  3. การหว่านหรือปลูก
    • หากหว่านเมล็ดโดยตรง ให้หว่านเมล็ดกระจาย หรือโรยเป็นแถวแล้วกลบดินบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม หากเพาะกล้า ควรรอให้กล้ามีใบจริงประมาณ 2-3 ใบ แล้วจึงย้ายลงแปลง โดยมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร และระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 30-40 เซนติเมตร
  4. การให้น้ำ
    • ผักโขมแดงต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควรรดน้ำทุกวันในช่วงเช้าหรือเย็น โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเจริญเติบโตและในช่วงที่อากาศแห้งแล้ง
  5. แสงแดด
    • ผักโขมแดงชอบแสงแดดเต็มที่ ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
  6. การให้ปุ๋ย
    • สามารถให้ปุ๋ยเพิ่มเติมได้เมื่อต้นเริ่มเจริญเติบโต โดยอาจเป็นปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ในปริมาณที่เหมาะสม
  7. การกำจัดวัชพืชและแมลง
    • ดูแลแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ถอนวัชพืช และสังเกตการเข้าทำลายของแมลง หากพบปัญหา ควรจัดการด้วยวิธีธรรมชาติก่อน หากจำเป็นจึงใช้สารกำจัดแมลงที่ปลอดภัย
  8. การเก็บเกี่ยว
    • ผักโขมแดงสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 30-60 วัน หลังหยอดเมล็ด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดที่ต้องการ สามารถเก็บเกี่ยวโดยการตัดทั้งต้น หรือเก็บเกี่ยวเฉพาะใบก็ได้